แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินซึ่งต่างได้แยกกันครอบครอง เพื่อคนโดยสุจริตด้วยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกิน 10 ปี ต่างย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามส่วนที่ได้ปกครองมา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ ๒๐๘๓ ตำบลดอนทราย จังหวัดราชบุรี โดยรับโอนจากนายกลิ่น นางจุ้ย และนางพวง, โจทก์-ประสงค์จะขอแบ่งแยกที่ดินออกไป ๑ ใน ๓ เป็นเนื้อที่ ๔ไร่เศษจำเลยไม่ยอมจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า นางจุ้ย นางพวง และนายกลิ่นได้ปกครองที่ดินเป็นส่วนสัดมาเกิน ๑๐ ปีแล้วโจทก์จำเลยผู้รับโอนต่างถือสิทธิตามส่วนที่ครอบครองกันมาแต่เดิม หากโจทก์จะแบ่งเอาตามส่วนที่กล่าวคือเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน จำเลยก็ไม่ขัดขวาง
คู่ความรับกันว่า ที่พิพากษามีชื่อโจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิร่วมกัน โจทก์ จำเลยครอบครองที่พิพากษาตามที่ปรากฏในแผนที่ท้ายคำให้การของนายทองหล่อมาเกินคนละ ๑๐ ปี แต่โจทก์ ว่าไม่ใช่ครอบครองจำเลยโดยสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยว่าใช่คู่ความต่างไม่สืบพยาน
ศาลขั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ให้โจทก์ตามเขตที่โจทก์ครอบครอง ดังปรากฎตามแผนที่ท้ายคำให้การจำเลย
โจทก์ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฏีกา
ศาลฏีกาพิเคราะห์ ข้อที่โจทก์ฏีกาว่าโฉนดพิพาทเป็นเอกสารสำคัญหักล้างการครอบครองเป็นส่วนสัด และจำเลยได้จดทะเบียนกรรมสิทธิระหว่างโจทก์จำเลย คนละส่วนเท่ากันแล้วนั้น เห็นว่าตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๕๗ สันนิษฐานว่าเจ้าของร่วมทีส่วนเท่ากันจริง แต่คดีนี้โจทก์รับแล้วว่าต่างแยกกันครอบครองกันมาคนละเกิน ๑๐ จึงต้องนำ ป.พ.พ.ม. ๑๓๖๙ และ ๑๓๗๐ มาปรับกับคดี ว่าต่างครอบครองเพื่อคนโดยสุจริตด้วยความสงบและเปิดเผย เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานหักล้างข้อสันนิษฐาน จำเลยจึงได้กรรมสิทธิตามส่วนที่จำเลยครองมาตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๘๒ พิพากษายืน