คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จ่ายเงินค่าขายทอดตลาดทรัพย์แก่โจทก์ผู้ร้องฎีกาขอให้ศาลระงับการจ่ายเงินดังกล่าวไว้จนกว่าคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์จำเลยในคดีนี้จะถึงที่สุด โดยผู้ร้องมิได้ขอให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณา เมื่อศาลชั้นต้นจ่ายเงินค่าขายทอดตลาดทรัพย์ให้แก่โจทก์ไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ฎีกาของผู้ร้องจึงไม่มีประโยชน์ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีเสียได้
ในกรณีจำหน่ายคดีดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้แก่ผู้ฎีกาได้ (คดีนี้ค่าขึ้นศาลมีเพียง 50 บาท ศาลฎีกาไม่สั่งคืน)

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ 197,260 บาท พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ได้ฟ้องโจทก์จำเลยว่าสมคบกันปลอมสัญญากู้เพื่อก่อหนี้สินซึ่งไม่มีอยู่จริง ทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญากู้เป็นโมฆะ ห้ามโจทก์บังคับคดี จึงขอให้ศาลสั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไว้จนกว่าคดีดังกล่าวจะถึงที่สุด แต่แล้วผู้ร้องได้ขอถอนคำร้องศาลจึงสั่งให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปได้เงิน 93,200 บาท ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องอีกว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเหลือ หากศาลสั่งจ่ายเงินจำนวนนี้ให้โจทก์หรือเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องจะเสียหายอย่างมาก ขอให้ศาลสั่งอายัดเงิน 93,200 บาท จนกว่าคดีแพ่งดำที่ 71/2508 และ 89/2508 จะถึงที่สุด

โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีสิทธิร้องขอขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้ผู้ร้องนำเงินประกันค่าเสียหายแก่โจทก์มาวางเป็นรายปี ปีละ 7,500 บาท จนกว่าคดีแพ่งดำที่ 89/2508 จะถึงที่สุด หากผิดนัด ให้โจทก์รับเงินค่าขายทอดตลาดกับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้แล้วไปได้ ให้ระงับการจ่ายเงิน 93,200 บาทให้โจทก์ จนกว่าคดีแพ่งดำที่ 89/2508 จะถึงที่สุดหรือผู้ร้องผิดนัดในการวางเงิน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลยึดหรืออายัดเงินค่าขายทอดตลาดรายนี้แม้แต่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ถ้าหากทรัพย์สินนั้นมีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้อื่นยึดหรืออายัดไว้แล้ว ก็ยังไม่มีสิทธิขอยึดหรืออายัดซ้ำ นอกจากจะขอเข้าเฉลี่ยการที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์จำเลย หาทำให้ผู้ร้องมีสิทธิที่จะมาร้องขอให้ศาลระงับการจ่ายเงินที่ขายทอดตลาดให้แก่โจทก์ได้ไม่ พิพากษากลับให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่ผู้ร้องฎีกาขอให้ศาลระงับการจ่ายเงิน 93,200 บาทไว้จนกว่าคดีแพ่งดำที่ 89/2508 จะถึงที่สุดนั้นผู้ร้องมิได้ขอให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาแต่ประการใด ต่อมาอีก 1 ปีเศษ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับเงินดังกล่าวโดยอ้างว่าผู้ร้องไม่นำเงินประกันค่าเสียหายมาวางตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้สั่งจ่ายเงินจำนวนนี้ให้โจทก์รับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ฉะนั้น การที่จะวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องที่ขอให้รอการจ่ายเงินจำนวนนี้ไว้จนกว่าคดีแพ่งดำที่ 89/2508 จะถึงที่สุด จึงไม่มีประโยชน์ต่อไปแล้ว

จึงให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ คืนค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้ผู้ร้อง

Share