แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิดมาก่อนแม้จะเป็นความผิดฐานลหุโทษ ศาลก็รอการลงอาญาไม่ได้.
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาฐานทำร้ายร่างกายส่วนลหุโทษ ถูกปรับมาครั้งหนึ่งแล้ว แล้วมากระทำผิดฐานชิงทรัพย์ในคดีนี้อีก
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๗ เมื่อลดโทษแล้วคงเหลือโทษจำคุก ๖ เดือน แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตามมาตรา ๔๑,๔๒
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทีเดียว
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา ๔๑ แห่งกฎหมายอาญามีความชัดว่า ได้กระทำผิดมาก่อน หาได้บัญญัติว่า ความผิดครั้งก่อนนั้นต้องไม่เป็นความผิดฐานลหุโทษ ฉะนั้นเมื่อได้ความว่าจำเลยต้องคำพิพากษามาก่อนแม้จะเป็นความผิดฐานลหุโทษ เพียงแต่ปรับก็ดีก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงอาญาในความผิดที่เกิดขึ้นครั้งหลังนี้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์