แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจพบเฮโรอีนซึ่งอยู่ในถุงพลาสติก4ใบอยู่ในตะกร้าซึ่งวางไว้บนแคร่ไม้ใกล้จำเลยและยังพบเฮโรอีน9หลอดกับอีก1ถึงที่บริเวณร่องน้ำนอกบ้านห่างจากบ้านจำเลยประมาณ170เมตรพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้อย่างแน่แท้ว่าเฮโรอีน9หลอดและอีก1ถุงนั้นเป็นของจำเลยคงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนในถุง4ใบซึ่งวางอยู่ในตะกร้าใกล้ตัวจำเลยไว้ในครอบครองเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 26, 66, 67, 75, 76, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และริบถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุเฮโรอีนจำนวน 4 ใบ ของกลาง
จำเลยให้การปฎิเสธข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายรับสารภาพข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 66 วรรคหนึ่งมาตรา 75 วรรคหนึ่ง และมาตรา 76 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษจำคุก 4 ปี ข้อหาจำหน่ายกัญชาโดยมิได้รับอนุญาตลงโทษจำคุก 4 ปี รวมให้ลงโทษจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 เป็นให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี รวมให้ลงโทษจำคุก 14 ปีริบถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุเฮโรอีน จำนวน 4 ใบ ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา ส่วนข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุก 2 ปี และฐานจำหน่ายกัญชาให้จำคุก 2 ปีรวม 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 2 ปี ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุก8 ปี รวมจำคุกจำเลย 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาตามฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจพบถุงพลาสติก 8 ใบ อยู่ในตะกร้าซึ่งวางไว้บนแคร่ไม่ใกล้จำเลยปรากฏว่าพบเฮโรอีนอยู่ในถึงจำนวน 4 ใบ น้ำหนัก .05 กรัม และที่บริเวณร่องน้ำนอกบ้านจำเลยยังพบเฮโรอีน 9 หลอด น้ำหนัก 7.35 กรัมกับเฮโรอีนอีก 1 ถุงน้ำหนัก .09 กรัม คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยมีเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ โจทก์ก็มีพันตำรวจโทจตุพล สมรอบรู้สิบตำรวจตรีสายชล ศรีสุขภู่ และสิบตำรวจเอกมนตรี อินไทยเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยมาเบิกความต้องกันว่าพยานทั้งสามเป็นผู้นำพนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจุดที่พบเฮโรอีนห่างจากบ้านจำเลยประมาณ 170 เมตร ห่างจากบ้านนายอำนาจประมาณ 80 เมตร และห่างจากบ้านนายโอกาส 40 เมตร ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย จ.10 จำเลยให้การว่า นายอำนาจและนายโอกาสเป็นบุตรของจำเลยพันตำรวจโทจตุพลตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานให้สายลับไปล่อซื้อกัญชาอย่างเดียว ไม่ได้ให้ไปล่อซื้อเฮโรอีนด้วย และสิบตำรวจเอกมนตรีเบิกความว่า จากการสืบสวนทราบว่าจำเลยค้าขายกัญชาและเฮโรอีนมานานแล้ว และบุตรของจำเลยเกือบทุกคนก็ขายยาเสพติดให้โทษเช่นกัน พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้อย่างแน่แท้ว่าเฮโรอีน 9 หลอด และอีก1 ถุง นั้นเป็นของจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนในถุง 4 ใบ ซึ่งวางอยู่ในตะกร้าใกล้ตัวจำเลยน้ำหนัก .05 กรัมไว้ในครอบครอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นด้วยบางส่วน ฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง มาตรา 67 มาตรา 26 วรรคหนึ่งและมาตรา 75 วรรคหนึ่ง และมาตรา 76 วรรคสอง ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองให้จำคุก 1 ปี เรียงกระทงลงโทษกับฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายกัญชาซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 2ลงโทษจำคุก 2 ปี รวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2