คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏว่าหนี้สินที่ฟ้องและขออายัดทรัพย์ของจำเลยคดีนี้เคยติดบัญชีกันแล้วจำเลยยังเป็นหนี้เงินโจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งเป็นหนี้สินเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ได้เคยฟ้องเรียกเงินจากจำเลยไว้ในคดีก่อนทั้งยังได้ขออายัดทรัพย์จำเลยไว้แล้วด้วย. ดังนี้ย่อมไม่มีเหตุสมควรที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนคำพิพากษามาใช้บังคับในคดีนี้.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาขอให้ชำระหนี้ และยื่นคำร้องขอให้ศาลอายัดทรัพย์ (เงิน) ของจำเลยไว้ก่อนมีคำพิพากษา ซึ่งโจทก์ขออายัดเงินจำนวนหนึ่งแล้วในสำนวน่อน ยังคงเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้อายัดเงิน ๓๘๔,๐๐๐ บาท ไปยังศาลแพ่งมิให้จ่ายเงินให้จำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้สินรายนี้ได้มีการติดบัญชีกันแล้วปรากฏว่าจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่สองแสนบาทเศษ โจทก์จึงได้ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ปรากฏตามคดีแพ่งดำที่ ๑๐๘/๒๔๙๘ และทั้งโจทก์ก็ได้อายัดทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ ในคดีนั้นไว้แล้ว. การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยคดีนี้ซึ่งตามฟ้องก็อ้างถึงหนี้สินเรื่องเดียวกันนี้เป็นอีกคดีหนึ่งและอายัดทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ ไว้อีกเช่นนี้. ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากษามาใช้บังคับในคดีนี้
จึงพิพากษากลับให้ยกคำสั่งอายัดทรัพย์.

Share