คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2512 จำเลยซึ่งไม่มีความรู้ในวิชาชีพที่จะประกอบโรคศิลปะทุกสาขา ได้บังอาจประกอบโรคศิลปะในสาขาเวชกรรม โดยรับจ้างรักษาโรคทั่วไป และฉีดยาให้แก่บุคคลทั่วไป ทั้งนี้ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะจากคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479 มาตรา 11,21 ตามที่มีแก้ไข ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง แต่เวลาที่จำเลยกระทำผิด พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรมได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511 แล้ว ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องหาได้ไม่ และจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4 มาปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511 หาได้ไม่ เพราะการที่โจทก์อ้างกฎหมายที่ยกเลิกแล้วมาขอให้ลงโทษจำเลยนั้น เท่ากับไม่ได้อ้างกฎหมายอันใดมาเลย จึงไม่ใช่เรื่องอ้างฐานความผิดหรือบทกฎหมายผิด
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2516)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2512เวลากลางวัน จำเลยซึ่งไม่มีความรู้ในวิชาชีพที่จะประกอบโรคศิลปะทุกสาขา และโดยมิได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะจากคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย ได้บังอาจประกอบโรคศิลปะในสาขาเวชกรรม รับจ้างรักษาโรคและฉีดยาให้แก่บุคคลทั่วไปตามวันเวลาข้างต้น จำเลยได้กระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง กล่าวคือ จำเลยได้ฉีดยาแคลเซี่ยมเข้าเส้นเลือดของนางประเทียบ ใจแจ้งเนื่องจากจำเลยไม่มีความรู้ความสามารถ จึงฉีดยาเข้าเส้นไม่สม่ำเสมอและไม่รู้จักปล่อยยาเข้าเส้นเลือด และฉีดยามากเกินไป เมื่อนางประเทียบ ใจแจ้ง แพ้ยาที่จำเลยฉีดเข้าไปแล้ว จำเลยก็ไม่รู้จักแก้ไข เป็นเหตุให้นางประเทียบ ใจแจ้ง ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479มาตรา 11, 21 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2504 มาตรา 3 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2509 มาตรา 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และให้ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต และกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 4 เป็นจำคุก 3 ปี ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 11, 21 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2509 มาตรา 6 ให้จำคุก 6 เดือน การนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน 15 วัน ข้อหาฐานทำให้คนตายโดยประมาทให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะนางประเทียม ใจแจ้ง ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายเพราะเหตุที่จำเลยฉีดยาแคลเซี่ยมเข้าเส้นเลือดของผู้ตาย แล้วผู้ตายแพ้ยาซึ่งจำเลยไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะไม่เคยศึกษาเล่าเรียนวิชาแพทย์มาก่อนเลย การกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเนื่องจากวันที่จำเลยกระทำความผิดนี้เป็นเวลาที่ได้มีพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 ออกใช้บังคับแล้ว จึงมีปัญหาว่า ยังจะถือว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะดังที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษหรือไม่ ปัญหานี้ แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกามาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ปัญหานี้แล้วมีมติว่า พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรมได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมพ.ศ. 2511 แล้วศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องหาได้ไม่ และการที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรมซึ่งได้ถูกยกเลิกแล้วนั้นศาลจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4 มาปรับลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 หาได้ไม่การที่โจทก์อ้างกฎหมายที่ยกเลิกแล้วมาขอให้ลงโทษจำเลยนั้น เท่ากับโจทก์ไม่ได้อ้างกฎหมายอันใดมาเลย เพราะพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรมไม่มีอยู่เสียแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทกฎหมายผิด

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ให้จำคุกจำเลย 4 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 3 ปี ของกลางริบ

Share