แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ที่ขอให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นคำสั่งก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 226
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในฐานะผู้ค้ำประกันและจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 ในฐานะผู้จำนองตามที่บริษัทแอดวานซ์ไดแคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นเป็นหนี้ธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาทรัสต์รีซีท 7 ฉบับ ตามเอกสารท้ายฟ้อง เพื่อให้ร่วมกันชำระเงินจำนวน 9,932,969.88 บาท ซึ่งเกี่ยวกับหนี้ดังกล่าวนั้นเดิมธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับโอนกิจการ สินทรัพย์ หนี้สินและสิทธิเรียกร้องของธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ไปทั้งหมด และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสิบและบริษัทแอดวานซ์ไดแคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 บริษัทแอดวานซ์ไดแคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2544 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทดังกล่าวแล้ว
จำเลยทั้งสิบให้การต่อสู้คดีหลายประการ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยื่นคำร้องขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 264 ประกอบมาตรา 6
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่ส่งข้อโต้แย้งของจำเลยทั้งหกไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ที่ขอให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นคำสั่งก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มา จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6