คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย. ทำสัญญาขายผลลำไยกับโจทก์มีกำหนด 10 ปี โดยให้โจทก์เป็นผู้เก็บผลลำไยเองจากต้นในสวนของ บ. และตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนด บ. จะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใดโจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาได้ 3 ปี แล้วต่อมา บ. จดทะเบียนโอนขายที่ดินสวนลำไยให้แก่จำเลย ดังนี้ สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และ บ. เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ฉะนั้นถึงแม้ว่าจำเลยจะทราบถึงข้อตกลงในสัญญา และต่อมาจำเลยยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก 2 ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษให้สัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ บ. นั้น ตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. 2501 นางบัวชุม ละวี่ธง ได้ตกลงกับโจทก์ขายผลลำไยจากต้นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินมีโฉนดอันเป็นกรรมสิทธิ์ของนางบัวชุมมีกำหนด 10 ปี เป็นเงิน 5,000 บาท โดยให้โจทก์เก็บผลลำไยจากต้นในสวนนั้นได้เอง ถ้าปีใดลำไยไม่ออกผล หรือออกผลแต่ได้ปริมาณน้อยไม่พอใจของโจทก์ ไม่ถือว่ามีการส่งมอบและรับมอบผลลำไยกันสำหรับปีนั้นนางบัวชุมสัญญาว่าตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนดเวลา นางบัวชุมจะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใดเป็นอันขาด นางบัวชุมได้รับเงินค่าขายลำไยจากโจทก์ไปแล้ว 5,000 บาท ในปี พ.ศ. 2501 และ 2502ต้นลำไยออกผลน้อย จึงไม่มีการเก็บผลลำไย โจทก์คงเก็บผลลำไยได้ตามสัญญาในปี พ.ศ. 2503, 2504 และ 2505 ครั้นปี พ.ศ. 2506ลำไยไม่ออกผล นางบังชุมและจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ว่า นางบัวชุมจะเอาที่ดินสวนลำไยซึ่งนางบัวชุมมีสัญญาผูกพันขายผลลำไยกับโจทก์นี้ แลกเปลี่ยนกับที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่ง โดยจำเลยรับเอาสวนของนางบัวชุมไปทั้งสิทธิและหน้าที่ในอันที่จะต้องยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเก็บผลลำไยในสวนที่รับโอนต่อไปตามสัญญาที่นางบัวชุมมีอยู่ต่อโจทก์ทุกประการและจำเลยก็ได้รู้ถึงข้อสัญญาระหว่างโจทก์กับนางบัวชุมโดยตลอดแล้วโจทก์ใช้สิทธิเก็บผลลำไย ในสวนดังกล่าวปี พ.ศ. 2507 และ 2508 และโจทก์ยังมีสิทธิเก็บผลลำไยต่อไปอีก 5 ปี ในปี พ.ศ. 2509 ลำไยไม่ออกผลจึงไม่เก็บ ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ต้นลำไยในสวนออกผลมีปริมาณพอเก็บได้ แต่จำเลยได้กระทำละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ โดยจำเลยเก็บผลลำไยเสียเอง ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดผลประโยชน์ ต่อมาจำเลยได้โอนขายสวนลำไยดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปอีก เพื่อหลีกเลี่ยงการผูกพันตามข้อสัญญานั้นขอให้จำเลยคืนเงินทุนที่โจทก์เสียไปในการตกลงซื้อผลลำไยสำหรับระยะเวลา 5 ปีที่ยังไม่ได้เก็บผลและชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดผลประโยชน์

จำเลยให้การว่า ตามสัญญานั้นเป็นเรื่องโจทก์ผูกพันกับนางบัวชุมโดยจำเลยมิได้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เลย จำเลยมิได้ตกลงรับเอาสิทธิและหน้าที่ในอันที่จะยอมให้โจทก์เก็บผลลำไยแต่อย่างใด จำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินกับนางบัวชุมโดยสุจริต และจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ปรากฏว่าที่ดินของนางบัวชุมมีภาระติดพันใด ๆ ทางทะเบียนอันจะทำให้จำเลยต้องถูกผูกพันกับโจทก์ จำเลยโอนขายสวนลำไยพิพาทให้แก่บุคคลภายนอกโดยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยจึงมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์สวนลำไยพิพาท จำเลยมิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย

ก่อนสืบพยาน โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงในรายงานกระบวนพิจารณา ดังนี้.-

1. ที่ดินสวนลำไยพิพาทเป็นที่มีโฉนด เดิมเป็นของนางบัวชุมแล้วนางบัวชุมเอาไปแลกกับที่ดินแปลงอื่นของจำเลย ขณะโอนมาเป็นของจำเลย โฉนดไม่มีระบุภาระผูกพัน และก่อนฟ้องคดีนี้ที่ดินดังกล่าวได้โอนจากจำเลยไปเป็นของผู้อื่นแล้ว

2. ในขณะที่นางบัวชุมยังเป็นเจ้าของที่ดินสวนลำไยพิพาทนางบัวชุมได้ทำสัญญาขายผลลำไยให้โจทก์ตามสัญญาขายผลลำไยและจำเลยก็ทราบ

3. โจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาในขณะที่ที่ดินสวนลำไยยังเป็นของนางบัวชุม 3 ครั้ง (3 ฤดูลำไย) พอที่ดินตกมาเป็นของจำเลยจำเลยก็ยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก 2 ครั้ง (2 ฤดูลำไย)

4. โจทก์จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายผลลำไยต่อกัน

5. ถ้าโจทก์ชนะคดีนี้ จำเลยยอมให้ค่าเสียหาย 10,000 บาทถ้าโจทก์แพ้ไม่คิดค่าเสียหาย

คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ขอสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยคดีไปตามข้อเท็จจริงในสำนวน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์กับนางบัวชุมไม่ผูกพันจำเลย พิพากษายกฟ้องให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนาย 600 บาทแทนจำเลย

โจทก์อุทธรณ์ในเนื้อหาแห่งคดีตลอดถึงค่าฤชาธรรมเนียมด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เฉพาะในเรื่องค่าทนายความ โดยให้โจทก์เสียค่าทนายความแทนจำเลย 300 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และนางบัวชุม ซึ่งจำเลยทราบถึงข้อตกลงในสัญญามีผลผูกพันจำเลยผู้รับโอนสวนลำไยจากนางบัวชุม ให้ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายผลลำไยดังกล่าวหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และนางบัวชุมเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ถึงแม้ว่าจำเลยผู้รับโอนสวนลำไยจะทราบถึงข้อตกลงตามสัญญาและภายหลังเมื่อรับโอนที่ดินนั้นแล้ว จำเลยยังยอมให้โจทก์เก็บผลลำไยต่อมาอีก 2 ปี ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาดังกล่าวในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษในสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับนางบัวชุมนั้นตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วยฉะนั้น การที่จำเลยเก็บผลลำไยจากต้นลำไยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยเองจึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ ส่วนที่โจทก์ต้องเสียหายเกี่ยวกับการกระทำของนางบัวชุมอย่างไร โจทก์ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอากับนางบัวชุมผู้เป็นคู่สัญญาเป็นอีกกรณีหนึ่งต่างหาก

พิพากษายืน

Share