คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากรายรับอันเกิดจากสัญญาจ้างเหมาซ่อมรถจักรไอน้ำ ซึ่งบริษัทจำกัด โจทก์ร่วมกับบริษัทต่างประเทศทำไว้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยโจทก์จะโต้แย้งว่า การซ่อมรถจักรไอน้ำมิใช่วัตถุประสงค์ของโจทก์ และสัญญานั้นมิได้ประทับตราบริษัทโจทก์ ขัดกับอำนาจของผู้จัดการที่จดทะเบียนไว้ หาได้ไม่ เพราะไม่ได้โต้แย้งกับการรถไฟแห่งประเทศไทยอันเป็นคู่สัญญา แต่โต้แย้งกับอำนาจการเก็บภาษีอากรเป็นคนละเรื่องคนละกรณีกัน
โจทก์ร่วมกับบริษัทต่างประเทศเป็นผู้รับเหมาซ่อมรถจักรไอน้ำของการรถไฟแห่งประเทศไทย โจทก์จึงเป็นตัวการผู้รับจ้างอันถือได้ว่า เป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 วรรคสุดท้าย แม้การซ่อมรถจักรไอน้ำนั้นจะได้นำไปซ่อมในต่างประเทศและผู้จ้างชำระเงินค่าซ่อมให้ในต่างประเทศ ก็ต้องถือว่าเงินจำนวนที่จ่ายและรับกันไปแล้วนั้นเป็นรายรับตามความในมาตรา 78 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า
เพียงเป็นผู้เสนอรายการแสดงราคาของสินค้า และเป็นผู้ติดต่อให้ผู้ขายซึ่งอยู่ต่างประเทศจัดส่งแบบแปลนของสินค่าให้แก่ผู้ซื้อตามที่ผู้ซื้อต้องการ ดังนี้ ถือว่าเป็นผู้จัดการหรือผู้ทำการแทนเฉพาะเรื่องเฉพาะรายของผู้ขาย ไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ขาย ไม่ต้องเสียภาษีการค้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเรียกเก็บภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งประเมินภาษีของจำเลยที่ ๑,๒ ที่สั่งให้โจทก์เสียภาษี และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ที่ให้โจทก์เสียภาษีเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้เพิกถอนเสีย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ประเมินภาษีไปตามประมวลรัษฎากร และชอบด้วยกฎหมายทุกประการ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ ของจำเลยที่ให้โจทก์นำเงินภาษีไปชำระเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างเหมาซ่อมรถจักรไอน้ำ โจทก์ลงชื่อเป็นผู้รับจ้างร่วมด้วยในสัญญา จึงเป็นตัวการผู้รับจ้าง ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการค้า ต้องยื่นรายการเสียภาษีการค้า คำสั่งแจ้งการประเมินของจำเลยและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าและเงินเพิ่มรวม ๑๓๓,๓๓๘ บาท ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนสัญญาซื้อสะพานเหล็กรถไฟ โจทก์กระทำเพียงผู้ทำการแทน และเป็นผู้ทำการติดต่อให้เป็นผลไปตามสัญญาเฉพาะเรื่องเฉพาะราย โจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีการค้าและเงินเพิ่มจำนวน ๗๘,๖๓๔.๘๑ บาท ที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
พิพากษายกเลิกคำสั่งประเมินแจ้งจำนวนภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณา ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าและเงินเพิ่มจำนวน ๗๘,๖๓๔,.๘๑ บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การซ่อมรถจักรไอน้ำซึ่งมีบริษัทฮิตาจิ จำกัด บริษัทกีซา เซโซ ไกชา จำกัด นั้น โจทก์ลงนามเป็นผู้รับจ้างซ่อมด้วย จึงเป็นตัวการผู้รับจ้าง ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๘ วรรคสุดท้าย เพราะโจทก์มีวัตดุประสงค์ตามที่จดทะเบียนว่า เพื่อประกอบการค้าบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายและสินค้าต่าง ๆ ทุกชนิดโดยทั่วไป จะโต้แย้งว่าการซ่อมรถจักรไอน้ำมิใช่วัตถุประสงค์ของโจทก์ ไม่ผูกพันโจทก์ฟังไม่ขึ้น โจทก์ไม่ได้โต้แย้งความข้อนี้กับการรถไฟอันเป็นคู่สัญญา แต่ยกขึ้นโต้แย้งกับอำนาจการเก็บภาษีของรัฐอันเป็นคนละเรืองคนละกรณี สำหรับข้อโต้แย้งที่ว่าสัญญาจ้างเหมามิได้ประทับตราสำคัญของบริษัทก็เช่นเดียวกัน แม้การซ่อมรถจักรไอน้ำจะได้นำไปซ่อมกันในต่างประเทศ และเงินค่าจ้างซ่อมผู้จ้างได้ส่งไปชำระให้ในต่างประเทศ ก็ต้องถือว่าเงินจำนวนที่จ่ายและรับกันไปแล้วนั้นเป็นรายรับตามความในมาตรา ๗๘ โจทก์จึงมีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีการค้า
สำหรับการซื้อขายสะพานรถไฟที่การรถไฟซื้อจากบริษัทนิปปอนกิไกโบเอกิไกชา ลิมิเตด แม้จะฟังว่าโจทก์เป็นตัวแทนหรือผู้ทำการแทนบริษัทนี้ และโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการเป็นตัวแทนหรือนายหน้าสำหรับหรือบริษัทห้างร้านต่าง ๆในการซื้อขายสินค้า และรับเป็นตัวแทนของบริษัทต่างประเทศก็ดี แต่ในความตามพยานหลักฐานว่า โจทก์เป็นเพียงผู้เสนอรายการแสดงราคาสินค้า เป็นผู้ติดต่อให้บริษัทผู้ขายจัดส่งแบบแปลนเหล็กสะพานรถไฟให้แก่การรถไฟผู้ซื้อตามที่ผู้ซื้อต้องการเท่านั้น เชื่อได้ว่าการกระทำของโจทก์เฉพาะกรณีเป็นเพียงผู้จัดการหรือผู้ทำการแทนเฉพาะเรื่องเฉพาะราย มิใช่เป็นตัวแทนของบริษัทนิปปอนกิไกโบเอกิไกชา ลิมิเตดทำการตั้งสถานการค้าและประกอบการค้าในประเทศไทยแต่ประการใด โจทก์มิต้องรับผิดในภาษีการค้า
พิพากษายืน.

Share