คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญา เมื่อคดีขาดอายุความศาลยกอายุความขึ้นวินิจฉัยได้เอง
ความผิดฐานยักยอกและฐานเป็นผู้จัดการทรัพย์สินผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่ อันเป็นความผิดยอมความได้ ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีขาดอายุความ แม้จำเลยให้การรับสารภาพศาลพิพากษายกฟ้องได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนพิจารณาพิพากษารวมกัน คดีมีปัญหาข้อกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับนายประพัตร์จำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นสมุหบัญชีและพนักงานเก็บเงิน ได้ลงข้อความเท็จในบัญชีและยักยอกเงินของโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์ถอนฟ้องฐานลงข้อความเท็จในบัญชี และจำเลยให้การรับสารภาพฐานยักยอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓ จำคุกสำนวนละ ๖ เดือน รวมเป็น ๑ ปี ลดรับสารภาพหนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ตกลงยอมความไม่เอาผิดกับจำเลย สิทธิฟ้องร้องจึงระงับ และคดีขาดอายุความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรรมการผู้จัดการของโจทก์ตรวจพบว่าเงินของโจทก์ขาดหายไป จึงได้ติดต่อกับจำเลยให้จัดหาเงินมาใช้ จำเลยได้ส่งจดหมายลงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๓ ขอรับสารภาพผิดทุกประการ ดังนี้ ฟังได้ว่า โจทก์ได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดก่อนวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๓ โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานตำรวจ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๓ เกิน ๓ เดือน คดีจึงขาดอายุความ แม้จำเลยไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น แต่จำเลยก็ได้อุทธรณ์ไว้ และในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ศาลอาจยกอายุความขึ้นพิจารณาได้เอง
พิพากษายืน

Share