แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแปลความหมายของคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าปลอมหนังสือตอนท้ายกล่าวว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว แต่พ้นโทษมาเกินกำหนดขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการลงโทษจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์ไม่สืบพะยานดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดถึงข้อที่เคยต้องโทษมาแล้วด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าปลอมหนังสือในตอนแรกกล่าวถึงการกระทำของจำเลย ตอนท้ายกล่าวว่าจำเลยเคยต้องโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน แต่พ้นโทษมาเกินกำหนดแล้ว ขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการลงโทษ
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ภายหลักแถลงขอรับสารภาพขอถอนคำให้การเดิมโจทก์ไม่ติดใจสืบพะยาน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษ แต่ให้รอการลงอาญาไว้
โจทก์ฎีกาว่าไม่ควรรอการลงอาญาจำเลย เพราะจำเลยรับสารภาพในข้อเคยต้องโทษแล้ว
ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยรับสารภาพตามข้อที่โจทก์กล่าวหาในมูลคดีเท่านั้น ไม่ได้รับสารภาพตลอดไปถึงข้อที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วด้วย ยิ่งกว่านั้นปรากฎขัดในฟ้องของโจทก์เองว่า เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษจำเลยให้หนัก ไม่ใช่ข้อที่โจทก์กล่าวเป็นหลักฐานเพื่อให้จำเลยต้องรับผิดเพิ่มเติมขึ้นอีกประการใด ทั้งโจทก์ก็ไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยเคยต้องโทษมาก่อนด้วย จึงพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์