แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญา ทำสัญญาใหม่ลบล้างสัญญาเดิม,ทำสัญญาแทนกัน,สินจ้าง
ย่อยาว
ม.(โจทย์) กู้เงินมาจากค., แล้ว ม.ให้ จ.กู้ไปอีกต่อหนึ่ง ,ครั้น ค.เร่งเงินจาก ม., ม.จึงหมุนแลตกลงทำสัญญากันใหม่, คือให้ จ.ทำสัญญาเปนลูกณี่ ค.โดยตรง แล ม.เปนประกัน, ต่อมา จ.ไม่ใช้เงินตามสัญญา ค.จึงฟ้อง จ.
, ม.ต้องใช้เงินไปในฐานที่เปนนายประกันให้แก่ค. แล้ว ม.ได้ร้องขอให้ ค.ฟ้องเรียกเงินที่ต้องใช้แทน จ.ไปนี้จาก จ.แทนตน , คดีไปถึงชั้นยึดทรัพย์ จ. ป. (จำเลย) ได้เข้ามาทำสัญญากัน ค.ยอมรับใช้ณี่แทน จ., ต่อมา ป.ไม่ใช้เงิน, แล ม. กับ ป. ได้ตกลงกันทำสัญญาใหม่แทนฉบับเดิม ซึ่งป.ได้ทำให้ ค.ไว้นั้น , ในสัญญาใหม่นี้ได้ผ่อนเวลาให้ ป. มีเวลาใช้เงินได้ยาวออกไปอีก แลได้เพิ่มเติมข้อความอีกข้อหนึ่งว่า ค.ต้องจัดการยึดที่ดินของ จ. ต่อไป , จ.ต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย ,แลต่อมาป.ไม่ได้ใช้เงินให้ ม. ตามสัญญา , ม.จึงฟ้อง ป. ต่อสู้ว่า
๑. สัญญามีความประสงค์เพียงไม่ให้ที่ดินของ จ.ถูกยึด
๒. การที่ ป.ทำสัญญากับม. เพราะเข้าใจว่า ม.เปนผู้แทน ค. แล ค.เปนผู้ผิดสัญญาโดยเข้ายึดที่ดินของจ.
๓. สัญญานั้นไม่มีสินจ้าง
ศาลล่างตัดสินให้โจทย์ชนะ ศาลอุทธรณ์ ฯกลับ
ฎีกาวินิจฉัยว่า ม.เปนคนชาวเอเซียบังคับอังกฤษจดฐเบียรภายหลังสัญญา คู่ความมีสิทธิฎีกาได้ทั้งในปัญหากฏหมายแลข้อเท็จจริง ถ้อยคำในหนังสือสัญญามีความชัดเจน คู่ความจะนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญานั้นไม่ได้ ข้อต่อสู้ของ ป.เปนอันตกไปด้วยเหตุผลดังนี้ คือ
๑. สัญญามีความตรง ๆ ว่า ค.ต้องยึดที่ดินของจ. ข้อต่อสู้ของ ป.ที่ว่าหนังสือสัญญามีความประสงค์ไม่ให้ยึดที่ดินนั้นเปนอันฟังไม่ขึ้น
๒. สัญญามีความชัดเจนว่า ณี่ที่จะต้องใช้กันนี้เปนณี่ของ ค.มาแต่เดิม แล ป.ได้ทราบข้อความเท็จจริง ในขณะที่ทำสัญญาดีแล้ว
๓. สัญญานั้นมีสินจ้าง คือ ป.ได้รับผ่อนผันเวลาใช้เงินต่อไปอีก แล ค.ต้องยึดทรัพย์ของ จ.เปนการชดใช้ณี่สินแลเพื่อประโยชน์ของป. ให้ป.ใช้เงินให้ ม.ตามฟ้อง