คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ซึ่งความจริงแล้ว ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเพียง 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา และโจทก์ก็แถลงรับว่าที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนมีเนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ดังนั้น อาจจะมีการแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษาของจำเลยดังกล่าว อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไป กรณีมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์อีกเป็นเงิน 13,608,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2534 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงว่า จำเลยที่ 1 ได้เวนคืนที่ดินของโจทก์เนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ศาลให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มอีกตารางวาละ 3,500 บาท คิดเป็นเงิน 12,208,000 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2534 จนถึงวันนี้รวมกันแล้วเป็นเงิน 21,787,888.89 บาท จึงขอวางเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ออกคำบังคับจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังคิดดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ครบถ้วน ศาลชั้นต้นจึงออกคำบังคับฉบับลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2541 ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินตามคำร้องขอของโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอว่าเนื้อที่ดินจำนวน 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มแก่โจทก์นั้นไม่ถูกต้อง เพราะจำนวนเนื้อที่ดินที่โจทก์ถูกเวนคืนจริง ๆ คือ 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้นำจำนวนเงินที่ถูกต้องไปวางศาลแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นยกเลิกคำบังคับดังกล่าวและงดการบังคับคดีไว้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ ค่าคำร้องขอให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา (3,888 ตารางวา) เป็นเงิน 13,608,000 บาท นั้น ไม่ถูกต้อง ความจริงแล้วที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเพียง 3,488 ตารางวา เท่านั้น จำเลยที่ 1 มีภาระต้องชำระเงินค่าทดแทนที่ดินตามเนื้อที่ดินที่ถูกเวนคืนไปจริงเป็นเงิน 12,208,000 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิขอบังคับคดีเอาเงินค่าทดแทนที่ดินเกินกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่ถูกเวนคืนไปจริง ขอให้เพิกถอนคำบังคับฉบับลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2541 และงดการบังคับคดีนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์แถลงรับต่อศาลชั้นต้นว่า ที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนทั้งหมด 10 แปลง มีเนื้อที่รวม 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา น้อยกว่าเนื้อที่ดินที่ศาลอุทธรณ์ใช้คำนวณเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์จากเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา แต่โจทก์ยังคงยืนยันขอให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อไป ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอยกเลิกคำบังคับและงดการบังคับคดีของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา นอกจากจำเลยที่ 1 ฎีกาคดีสาขาในชั้นบังคับคดีนี้แล้ว ยังได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในคดีหลักว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์คำนวณเนื้อที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนผิดพลาดคลาดเคลื่อนซึ่งเป็นข้อผิดพลาดหรือหลงผิดเล็กน้อยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143 เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีหลักนั้น ได้ระบุเนื้อที่แต่ละแปลงของที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ที่ถูกเวนคืนไว้ด้วย เมื่อรวมเนื้อที่ที่ถูกต้องแล้วมีเนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ซึ่งโจทก์ก็แถลงรับว่า ที่ดินทั้งสิบแปลงของโจทก์ที่ถูกเวนคืนมีเนื้อที่รวมกัน 8 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ดังนั้นอาจจะมีการแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหลักตามคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อีกต่อไป กรณีมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) จึงไม่ต้องวินิจฉัยคำขออื่นของจำเลยที่ 1 อีก ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน จนกว่าศาลจะได้วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 อันถึงที่สุดแล้ว ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share