คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทอันเป็นเช็คผู้ถือมอบให้ ส. ยึดถือไว้เมื่อปี 2516 มีจำเลยที่ 2 สลักหลังโดยไม่ได้ลงวันที่ออกเช็ค ต่อมาปี 2529 ส. จึงนำเช็คพิพาทมาจดวันเดือนปีที่สั่งจ่าย แล้วมอบให้แก่โจทก์หลังจากที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้แล้วเป็นเวลานานกว่า 13 ปี ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1ได้ยินยอมให้ ส.ทำเช่นนั้นจะถือว่าส. ได้จดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทโดยสุจริตหาได้ไม่ โจทก์เป็นทนายความ โจทก์อ้างว่าได้รับเช็คพิพาทมาจาก ส.เป็นค่าว่าความและทราบว่าเช็คพิพาทสั่งจ่ายตั้งแต่ปี 2516 เมื่อลายมือชื่อและสีของน้ำหมึกที่จดวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเช็คพิพาทแตกต่างจากลายมือชื่อและสีของน้ำหมึกของผู้สั่งจ่ายเห็นได้ชัดโจทก์จะต้องทราบข้อกฎหมายว่าผู้ที่จะจดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายได้จะต้องกระทำโดยสุจริต และจดลงตามวันที่ถูกต้องแท้จริง การที่โจทก์ไม่สงสัยว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ใครเป็นผู้สั่งจ่าย และผู้จดวันที่สั่งจ่ายเป็นใครนั้นเป็นการผิดปกติวิสัยของโจทก์ซึ่งมีอาชีพทนายความ โจทก์รับเช็คพิพาทจาก ส. ไว้โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกมานานกว่า 10 ปีแล้วย่อมถือว่าโจทก์ไม่สุจริตคบคิดกับ ส. ฉ้อฉลจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังโดยผู้มีชื่อนำมามอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทตามฟ้องมาตั้งแต่ปี 2516 โดยผู้มีชื่อขอยืมไปใช้ชั่วคราวแล้วจะนำมาคืนให้ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท ต่อมาผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยทั้งสองโดยกรอกวันเดือนปีที่สั่งจ่ายโดยไม่สุจริต เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน50,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเชื่อได้ตามพยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้แก่นางสิฐิณาเมื่อปี 2516 ขณะที่จำเลยที่ 1 ติดต่อกับนางสิฐิณาเพื่อที่จะกู้เบิกเงินจากธนาคารโดยไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายไว้ ต่อมาเมื่อปี 2529 นางสิฐิณาจึงนำเช็คพิพาทมาจดวันเดือนปีที่สั่งจ่ายลงไปแล้วมอบให้แก่โจทก์ หลังจากที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้แล้วเป็นเวลานานกว่า 13 ปี การที่นางสิฐิณาจดวันที่ลงในเช็คพิพาทของจำเลย จึงไม่ใช่วันที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ได้ยินยอมให้นางสิฐิณาทำเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้จะถือว่านางสิฐิณาได้จดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทโดยสุจริตหาได้ไม่ ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปจึงมีว่านางสิฐิณาได้โอนเช็คพิพาทให้โจทก์ด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีอาชีพเป็นทนายความ หากได้รับเช็คพิพาทจากนางสิฐิณาเป็นค่าว่าความจริงโจทก์จะต้องทราบทันทีว่าเช็คพิพาทผู้สั่งจ่ายเช็คมิได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเอาไว้เพราะทั้งลายมือและสีของน้ำหมึกที่จดวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเช็คพิพาทแตกต่างจากลายมือและสีของน้ำหมึกของผู้สั่งจ่ายอย่างเห็นได้ชัดทั้งโจทก์จะต้องทราบข้อกฎหมายว่า ผู้ที่จะจดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายได้จะต้องกระทำโดยสุจริตและจดลงตามวันที่ถูกต้องแท้จริงโดยเฉพาะเช็คพิพาทโจทก์ก็ทราบว่าเป็นเช็คที่ได้ออกใช้ตั้งแต่ปี 2516 การที่โจทก์ไม่สงสัยว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ใครเป็นผู้สั่งจ่ายและผู้จดวันที่สั่งจ่ายเป็นใครนั้น นับว่าเป็นการผิดปกติวิสัยของโจทก์ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความอย่างมาก ศาลฎีกาจึงไม่เชื่อว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาจากนางสิฐิณาโดยไม่ทราบว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่นางสิฐิณามาลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเอง หลังจากที่ได้รับมอบเช็คมาจากจำเลยที่ 1 นานกว่า 13 ปีแล้ว การที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากนางสิฐิณาไว้โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกมานานกว่า 10 ปีแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ไม่สุจริตคบคิดกับนางสิฐิณาฉ้อฉลจำเลยทั้งสอง กรณีเช่นนี้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายและสลักหลังเช็คพิพาทจึงหาจำต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์ไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share