แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นำพินัยกรรมปลอมไปแสดงต่อพนักงานที่ดินอำเภอเพื่อขอรับมรดกและอำเภอได้ประกาศการขอรับมรดกแล้ว แม้ต่อมาจะได้ขอถอนคำขอรับมรดกนั้นเสีย การนำพินัยกรรมปลอมไปแสดงเช่นนั้นก็เป็นการกระทำอันเป็นเหตุที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นแล้ว จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันทำพินัยกรรมปลอม และจำเลยที่ ๒,๓ ร่วมกันนำพินัยกรรมที่ปลอมขึ้นไปแสดงต่อพนักงานที่ดินอำเภอเพื่อขอรับมรดก เจ้าหน้าที่ได้ประกาศการขอรับมรดก โจทก์ไปยื่นคำร้องคัดค้าน จำเลยที่ ๒,๓ จึงได้ถอนคำขอรับมรดก ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๒๖๘, ๘๓, ๘๔ และ ๙๐
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิดตามมาตรา ๒๖๖ (๒) จำเลยที่ ๒,๓ ผิดฐานใช้ตามมาตรา ๒๖๖
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๒,๓ ผิดตามมาตรา ๒๖๘ วรรคแรก
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่จำเลยที่ ๒,๓ นำพินัยกรรมปลอมไปขอรับมรดกต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ ๆ ได้ประกาศขอรับมรดกแล้ว โจทก์ได้ไปคัดค้าน จำเลยจึงขอถอนคำขอรับมรดกเสียเช่นนี้ แม้โจทก์จะยังไม่ทันได้รับความเสียหายตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาก็ดีแต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ ได้บัญญัติว่า ผู้ใดใช้เอกสารปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ก็เป็นความผิดแล้ว ในกรณีที่จำเลยนำพินัยกรรมปลอมไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเพื่อขอรับมรดกนั้น ถ้าโจทก์ไม่ทราบและไม่ได้ไปคัดค้านเสียก่อน โจทก์ก็ได้รับความเสียหายโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ เข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ แล้ว
พิพากษายืน.