แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยกันเอง ไม่เกี่ยวกับสายลับ ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลต้องยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2543 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 14 เม็ด น้ำหนัก 1.26 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 10 เม็ด น้ำหนักไม่ปรากฏชัด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 1,000 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยที่ 1 กลับให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จำนวน 14 เม็ด แล้วนำมาจำหน่ายให้แก่สายลับ 10 เม็ด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์สมคบกับจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน คงผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 กระทงเดียว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง เดิม), 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่, 102 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง เดิม), 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ซื้อเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด จากจำเลยที่ 2 แล้วนำไปจำหน่ายให้แก่สายลับ 10 เม็ด เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้และยึดเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว เป็นของกลาง คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 และยกฟ้องข้อหาร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยกันเอง ไม่เกี่ยวกับสายลับ ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลต้องยกฟ้องในความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน