แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันทำตัวเป็นนักเลงมาแต่แรก เมื่อผู้ตายกับพวกพูดหรือทำอะไรไม่ถูกใจ จำเลยที่ 2 ก็ลงมือทำร้ายก่อนโดยหวังความช่วยเหลือจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน และก็สมความมุ่งหมายโดยจำเลยที่ 1 เข้าช่วยทันทีทั้งใช้มือและมีดทำร้าย ครั้นแล้วจำเลยที่ 1 และ 2 ก็ร่วมทางกันไปอีกจนตำรวจจับได้ที่บ้านจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยมีดที่จำเลยใช้ในการทำผิด จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นตัวการด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันฆ่านายประคนธ์ ถีระวงศ์ตายโดยเจตนา และทำร้ายนายเก๊า แซ่ตั้ง กับนางพิศณีบาดเจ็บ จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยทุกคนปฏิเสธ จำเลยที่ 1 คงรับเฉพาะข้อต้องโทษ
ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 249, 63 เพิ่มโทษ จำเลยที่ 2 ตามมาตรา 72 อีก 1 ใน 3คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณาลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 15 ปี กับให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 มีดของกลางริบ
จำเลยที่ 1-2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 15 ปี เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องโทษมาก่อน ลดตามมาตรา 59 อีก 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอาญา
จำเลยที่ 1-2 ฎีกา
จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อกฎหมายว่า ไม่ควรมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายประคนธ์ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าจำเลยที่ 1-2 ร่วมกันทำตัวเป็นนักเลงมาแต่แรก เมื่อนายประคนธ์และนายเก๊าทำอะไรไม่ถูกใจ จำเลยที่ 2 ก็ลงมือทำร้ายก่อนโดยหวังความร่วมมือจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน และก็สมความมุ่งหมาย โดยจำเลยที่ 1 เข้าช่วยทันทีทั้งใช้มือและมีดทำร้าย ครั้นแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ร่วมทางกันไปอีกจนตำรวจจับได้ที่บ้านจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยมีดที่จำเลยที่ 1 ใช้ในการทำผิดนี้ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการด้วย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์