แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินและบ้านพิพาทจะเป็นของผู้ใดไม่สำคัญ. เมื่อจำเลยครอบครองอยู่เดิมแล้วสละการครอบครองให้ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้ไป. การยกที่ดินและบ้านตีใช้หนี้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม. แต่ผู้เสียหายก็ได้ไปซึ่งการครอบครอง. จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้เสียหายครอบครองอยู่โดยชอบ. หากจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิในทรัพย์พิพาท. ก็ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตน. ไม่มีอำนาจเข้าไปรบกวนการครอบครองของเขา. เมื่อจำเลยยังขืนเข้าไปอยู่อาศัยก็เป็นการรบกวนการครอบครองของผู้เสียหายโดยปกติสุข. จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362.(อ้างฎีกาที่ 1/2512).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในบ้านและที่ดินอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหาย เพื่อยึดถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด และเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 ให้จำคุก 3 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ตกลงเซ็นชื่อยอมยกบ้านพิพาทให้แก่ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้แล้ว และได้ออกจากบ้านพิพาทไปแล้วแต่นายกังพ่อตาไม่ยินยอม อ้างว่าห้องเป็นของนายกัง จำเลยจึงกลับเข้ามาอยู่อีก และเห็นว่าที่ดินและบ้านพิพาทจะเป็นของผู้ใดไม่สำคัญเมื่อจำเลยครอบครองอยู่เดิมแล้วสละการครอบครองให้ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้ไป การยกที่ดินและบ้านตีใช้หนี้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้เสียหายก็ได้ไปซึ่งการครอบครอง จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้เสียหายครอบครองอยู่โดยชอบ หากจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิในทรัพย์พิพาท ก็ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตน ไม่มีอำนาจเข้าไปรบกวนการครอบครองของเขา เมื่อจำเลยยังขืนเข้าไปอยู่อาศัยก็เป็นการรบกวนการครอบครองของผู้เสียหายโดยปกติสุข จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ดังนัยฎีกาที่ 1/2512 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้นแต่จำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป.