แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ห้างหุ้นส่วนสามัญตั้งขึ้นไม่มีกำหนดกาล เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีหนังสือมาบอกกล่าวเลิกห้างหุ้นส่วนพร้อมกับเสนอระบุชื่อผู้ชำระบัญชีไปด้วย ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นก็มิได้คัดค้านประการใด ยังกลับตอบรับเห็นชอบและยอมตั้งผู้ชำระบัญชีผู้ที่ระบุไปนั้นด้วย เป็นแต่กำหนดเงื่อนไขไว้บางประการเท่านั้น ดังนี้นับว่าการเลิกห้างหุ้นส่วนและจัดการชำระบัญชีได้กระทำไปแล้วตามกฎหมาย แต่การชำระบัญชีในเรื่องทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจะถูกต้องหรือไม่ ย่อมเป็นประเด็นหนึ่งต่างหาก ฉะนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะมาฟ้องศาลขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนนั้น และตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนี้อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่และยังมีคำขออีกมากมายท้ายฟ้อง แต่ตั้งรูปคดีมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท ดังนี้ศาลควรวินิจฉัยเพียงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วน และการชำระบัญชีเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ส่วนทรัพย์ในห้างหุ้นส่วนจะมีเท่าใด เป็นส่วนของใครเท่าใด ไม่ควรวินิจฉัยให้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2493)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี อ้างเหตุว่าการเลิกห้างและชำระบัญชีที่จำเลยทำไปแล้วไม่ถูกต้อง และมีคำขออีกมากมายหลายข้อท้ายคำฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ห้างหุ้นส่วนรายนี้ได้เลิกกันและมีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีโดยชอบแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์เงินทุนและกำไรคงเป็นไปตามบัญชีของผู้ชำระบัญชี แต่ได้ให้เอาทรัพย์และสิทธิบางอย่างในห้างหุ้นส่วนออกประมูล ฯลฯ แบ่งกัน
จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้มีมติที่ประชุมใหญ่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี อ้างเหตุว่าการเลิกห้างและชำระบัญชีที่จำเลยทำไปแล้วไม่ถูกต้อง และทั้งยังมีคำขออีกมากมายหลายข้อท้ายคำฟ้อง แต่โดยเหตุที่โจทก์ตั้งรูปคดีมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทการที่ศาลล่างวินิจฉัยให้เอาทรัพย์และสิทธิบางอย่างในห้างหุ้นส่วนออกประมูล ฯลฯ แบ่งกันนั้น จึงไม่ถูกต้อง แต่ฝ่ายจำเลยก็พอใจมิได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยถึง คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลล่าง สำหรับคดีนี้จะวินิจฉัยเพียงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วนและการชำระบัญชีเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้นส่วนทรัพย์ในห้างหุ้นส่วนที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาจะมีเท่าใด เป็นส่วนของใครเท่าใดจะไม่วินิจฉัยให้ในชั้นนี้ แล้ววินิจฉัยว่าห้างหุ้นส่วนรายนี้ตั้งขึ้นโดยไม่มีกำหนดกาล เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้บอกเลิกแล้ว ก็นับว่าเป็นการชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1056 โดยปกติจะต้องมีการชำระบัญชีตามมาตรา 1061 ซึ่งจำเลยก็ได้มีหนังสือบอกเลิกไปยังโจทก์ และระบุนามผู้ชำระบัญชีด้วย โจทก์มิได้คัดค้านอย่างใด กลับมีหนังสือตอบรับเห็นชอบ และยอมตั้งพระยาไชยยศสมบัติด้วย เพียงแต่มีเงื่อนไขบางประการ เท่านั้น นับว่า การเลิกห้างหุ้นส่วนและจัดการชำระบัญชีได้กระทำไปแล้วตามกฎหมาย แต่การชำระบัญชีในเรื่องทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจะถูกต้องหรือไม่ ย่อมเป็นอีกประเด็นหนึ่งต่างหาก ซึ่งศาลยังไม่มีหน้าที่จะต้องวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น
จึงพิพากษากลับให้ยกฎีกาโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิที่โจทก์จะว่ากล่าวในคำขอเรื่องทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนที่ฎีกาขึ้นมานี้ต่อไป