คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์เอาที่พิพาททั้งหมดรวมเข้ากับที่ของโจทก์ไปจำนองกับสหกรณ์ ไม่เรียกว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาท.

ย่อยาว

เรื่อง ที่ดิน ละเมิด เรียนค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ มาขออาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ของโจทก์ ต่อมาโจทก์เข้าตัดกิ่งบางในที่รายนี้ จำเลยที่ ๑,๒,๓ สมคบกันไปแจ้งความต่ออำเภอหาว่าโจทก์ทำให้เสียทรัพย์ ต่อมาอีก โจทก์ขอให้พนักงานศาลไปทำแผนที่เกิดเหตุจำเลยทั้งสามนำชี้เขตที่ดินว่าเป็ฯของจำเลยที่ ๒,๓ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ขับไล่และห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เกี่ยวข้อง กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ขออาศัย โจทก์ปลูกเรือนในที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ ปลูกมากกว่า ๑๐ ปีแล้ว ตัดฟ้องว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมากกว่า ๑๐ ปีคดีโจทก์ขาดอายุความ และโจทก์กล่าวอ้างว่าได้ถูกาจำเลยแจ้งความหรือขัดขวางมาเกิน ๑ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฏีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์
คดีฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฏหมาย ศาลฏีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ถือฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒, ๓
ในข้อกฏหมาย โจทก์ฏีกคัดค้านว่าโจทก์ได้เอาที่พิพาททั้งหมดรวบเเข้ากับที่ของโจทก์ไปจำนองกับสหกรณ์ แสดงว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาท ศาลฏีกาเห็นว่ากรณีเช่นนี้ไม่เรียกว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครอง.

Share