แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ขอให้ออกหมายจับจำเลยมากักขังเพราะไม่ยอมขนย้ายออกไป จำเลยขอให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ก่อนเนื่องจากยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะงด ให้ออกหมายจับ ดังนี้ จำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งงดหรือเพิกถอนหมายจับไว้ชั่วคราวหาได้ไม่ เพราะคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยนั้นถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว สิทธิของจำเลยที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองจำเลยในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ย่อมหมดไปในตัว
ย่อยาว
คดีได้ความว่า เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากตึกแถวของโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาเพราะคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว จำเลยยื่นคำร้องฎีกาคำสั่งไม่รับฎีกา
ในวันศาลชั้นต้นนัดสอบถามตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 13 มกราคม 2520 โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวาร ขอให้ออกหมายจับจำเลยมากักขังเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล จำเลยแถลงขอให้ศาลงดการบังคับไว้ก่อน เนื่องจากจำเลยยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์ในคดีเดิมนั้นถึงที่สุดแล้วไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดีไว้ จึงให้ออกหมายจับจำเลยมาศาล
จำเลยในคดีนี้ทั้ง 3 คดี คือ นายฮงเจีย หรือฮั่งเจี่ย นายเลี่ยงเฮง และนายบุญมีได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ขอให้มีคำสั่งงดหรือเพิกถอนหมายจับไว้ชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264, 280, 296 โดยด่วน โดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 25 โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่สามารถหาบ้านเช่าอยู่ได้ทัน และจำเลยมีหวังจะชนะคดี เพราะคำพิพากษาและหมายจับของศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องนั้นเป็นห้องที่มีหมายเลขทับทุกห้อง แต่ห้องที่จำเลยเช่าไม่มีหมายเลขทับ โจทก์ฟ้องผิดห้อง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องของจำเลยว่า ข้อพิพาทเป็นเรื่องชั้นบังคับคดีซึ่งจะต้องบังคับไปตามคำพิพากษาที่ให้ขับไล่ผู้ร้อง และไม่สมควรจะคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องเพื่อที่จะมิให้ต้องบังคับตามคำพิพากษานั้น จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
จำเลยทั้งสาม สำนวนฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งเป็นที่สุดไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จึงถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์อีก สิทธิของจำเลยที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองจำเลย ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงย่อมจะหมดไปในตัวภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว เช่นนี้ จำเลยก็ย่อมไม่อาจที่จะฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวต่อไปอีก เพราะไม่มีทางที่ศาลฎีกาจะสั่งให้มีผลได้ตามคำขอของจำเลย
โดยเหตุฉะนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย