คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลที่กำหนดให้จำเลยนำสืบก่อนว่า ไม่ถูกต้องนั้น เมื่อถึงอย่างไรก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลเป็นอย่างอื่นแล้ว ฎีกาข้อกฎหมายข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการพิจารณา เมื่อจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าการต่อเติมดัดแปลงอาคารของจำเลยได้กระทำไปโดยฝ่าฝืนกฎหมายและยื่นล้ำออกไปเหนือทางสาธารณะเช่นนี้แล้วจำเลยย่อมไม่มีอำนาจอันชอบธรรมใด ๆ ที่จะให้ตัวอาคารดังกล่าวคงสภาพที่เป็นการล่วงละเมิดต่อสิทธิ ของสาธารณชนโดยทั่วไปได้ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ยื่นล้ำออกไปเหนือทางสาธารณะนั้นเสีย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงต่อเติมยื่นล้ำเหนือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หากจำเลยไม่รื้อให้โจทก์รื้อได้เองศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลที่กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการพิจารณา เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลเป็นอย่างอื่น ทั้งคำสั่งศาลชั้นต้นให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนดังกล่าวเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องและคำให้การแล้วศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งเช่นนั้นถูกต้องแล้วฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า การที่เจ้าพนักงานของโจทก์จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมฝ่าฝืนกฎหมาย ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่การฝ่าฝืนนั้นไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ออกตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 เท่านั้น เมื่อกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติดังกล่าวยังไม่มีออกใช้บังคับ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยรื้อถอน ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวหามาในฟ้องแล้วว่าการต่อเติมดัดแปลงอาคารของจำเลยได้กระทำไปโดยฝ่าฝืนกฎหมายและยื่นล้ำออกไปเหนือทางสาธารณะเช่นนี้แล้วจำเลยก็ย่อมไม่มีอำนาจอันชอบธรรมใด ๆ ที่จะให้ตัวอาคารดังกล่าวคงอยู่ในสภาพที่เป็นการล่วงละเมิดต่อสิทธิของสาธารณชนโดยทั่วไปได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share