คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาท ย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
มาตรา 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ จำเลยรับกันว่า ที่นาพิพาทเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับนางนา นางนาได้เอานารายพิพาทแลกเปลี่ยนกับนาของจำเลยโดยโจทก์ไม่รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนนิติกรรมแลกเปลี่ยนรายนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนคืนนารายนี้ให้โจทก์โจทก์จึงกลับมาฟ้องเรียกค่าเสียหายในระหว่างที่จำเลยรับแลกเปลี่ยนนาไปทำ 3 ปี

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์

โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่นาพิพาทที่นางนาภริยาโจทก์นำไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลยนั้น เป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับนางนา นิติกรรมแลกเปลี่ยนนั้นเป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้างนิติกรรมนั้นย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย ฉะนั้นที่จำเลยเข้าครอบครองที่นาของนางนาจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือนางนาแต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้าง นิติกรรมดังกล่าวแล้ว และศาลได้ชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม โจทก์คัดค้านว่าจำเลยใช้สิทธิไม่สุจริต เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 นั้น มาตรา ดังกล่าวพูดถึงว่าผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่คดีนี้ ฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจึงมิต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์

Share