แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเสพกัญชา เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมกัญชาดังกล่าว และรถยนต์กระบะที่จำเลยใช้เป็นยานพาหนะในการนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มาจำหน่าย ซึ่งเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่นใดที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่ารถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 57, 76/1, 92, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 57, 76/1 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 92 วรรคหนึ่ง), 102 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี ฐานเสพกัญชา จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 15 วัน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์กระบะของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า รถยนต์กระบะของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษซึ่งต้องริบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเสพกัญชา เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมกัญชาดังกล่าว และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ภ – 5116 สงขลา ที่จำเลยใช้เป็นยานพาหนะในการนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มาจำหน่าย และโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ที่จำเลยใช้ในการติดต่อเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 แก่สายลับ ซึ่งเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่นใดที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่ารถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่ริบรถยนต์กระบะของกลางนั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์กระบะของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9