แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าว คดีของจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้อง คงวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด (ไม่กล่าวถึงอีก 1/2 เม็ด) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต แต่คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอีกกรรมหนึ่ง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกียและยี่ห้อเวลล์คอม จำนวน 2 เครื่อง ตลับใส่ของลายขาว – ดำ และตลับใส่ของติดสติกเกอร์พร้อมอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และจำเลยที่ 1 รับสารภาพว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองจำนวนครึ่งเม็ด ส่วนข้อหาร่วมกันจำหน่ายและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง, 57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษ ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 1 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี และปรับ 400,000 บาท คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน อีกทั้งกระทำผิดในขณะอยู่ในสมณเพศภิกษุ จึงไม่สมควรลดโทษให้ คงจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 5 ปี และปรับ 400,000 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 1 ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่สมควรลดโทษให้ ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67, 57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 1 รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุก 1 ปี ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษปรับ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง จำเลยที่ 2 รับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษเห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้จำเลยที่ 2 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกกำหนด 3 เดือน ภายในเวลา 1 ปี ห้ามจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าว คดีของจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้อง ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเมทแอม- เฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอีกกรรมหนึ่ง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องของกลางนั้น เห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องของกลางจำเลยที่ 1 ได้นำมาใช้สำหรับติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษในคดีนี้อย่างไร โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องของกลางดังกล่าวจึงไม่ใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอม- เฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานดังกล่าว จึงไม่อาจริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 นอกจากนั้นการที่ศาลชั้นต้นไม่ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ลดโทษจำคุกให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จึงแก้ไขให้ถูกต้องไปพร้อมกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1/2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานนี้ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว จำคุก 4 ปี และปรับ 400,000 บาท ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 เดือน รวมแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี 6 เดือน และปรับ 400,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังจำเลยที่ 1 แทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกิน 2 ปี ไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3