คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แผ่นสลากที่ปิดรอบก้อนถ่านไฟฉายซึ่งมีชื่อและเครื่องหมายการค้าย่อมมีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้ว.ไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลง หรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก็นำมาใช้ได้ทันที. จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรม โดยมีโรงงานถ่านไฟฉาย “เอเวอเรดี้” ออกจำหน่ายในประเทศไทย จำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้า ได้แจ้งการประเมินภาษีการค้ามายังโจทก์ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้า (แบบ ภ.ค.(พ)8) ที่ กค/0805/ก3031 อ้างว่า โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าสำหรับเดือนธันวาคม 2507 ไว้ไม่ถูกต้อง กล่าวคือการที่โจทก์ได้นำแผ่นสลากที่มีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์เข้ามาในราชอาณาจักร และได้คำนวณรายรับโดยบวกกำไรมาตรฐานเพียงร้อยละ 10 และเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 1.5 นั้นไม่ถูกต้อง ที่ถูกจะต้องเป็นอัตรากำไรมาตรฐานร้อยละ 15 และต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 จึงประเมินภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่มเติมเป็นเงิน2,005.33 บาท เงินเพิ่ม 140.37 บาท เบี้ยปรับ 2,005.33 บาท และภาษีบำรุงเทศบาล 415.10 บาทรวม 4,566.13 บาท โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ว่า แผ่นสลากที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นกระดาษอาบด้วยไขเซลลิวโลช แอนซีเทท ไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป ขอให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งเพิกถอนการประเมินภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวเสีย คณะกรรมการได้วินิจฉัยว่าแผ่นสลากดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามมาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานเป็นการถูกต้อง แต่การที่โจทก์ได้คำนวณรายรับโดยบวกกำไรมาตรฐานเพียงร้อยละ 10 นั้นก็เป็นการถูกต้อง จึงพิจารณาคำนวณภาษีให้ใหม่โดยงดเรียกเก็บเบี้ยปรับและภาษีบำรุงเทศบาลเฉพาะส่วนที่คำนวณจากเบี้ยปรับให้ คงเรียกเก็บเป็นเงิน 2,216.35 บาท แต่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการที่ว่า แผ่นสลากของโจทก์ดังกล่าวเป็นสินค้าสำเร็จรูป แผ่นสลากที่มีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายของโจทก์ และมิได้นำแผ่นสลากนี้ไปจำหน่ายแก่โรงงานอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายอื่น ๆ หรือแก่บุคคลทั่วไปในลักษณะหรือสภาพที่เป็นแผ่นสลากโดยเฉพาะ ส่วนการใช้แผ่นสลากนี้ในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายของโจทก์ก็จำต้องผ่านกรรมวิธีในการผลิต โดยมีการดัดแปลงอีกหลายขั้น แผ่นสลากพิพาทไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูปโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 1.5 ของรายรับ ขอให้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีการค้าของจำเลยที่ 2 ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ กค/0805/ก 3031 และตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3,4,5 ที่ให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มเติมเป็นเงิน 2,216.35 บาท และขอให้พิพากษาว่า แผ่นสลากของโจทก์มิใช่สินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร จำเลยทั้งห้าให้การว่า สินค้าแผ่นสลากของโจทก์เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผ่านการผลิตสำเร็จเรียบร้อยมาแล้ว ตามสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูปที่อาจนำไปอุปโภค การที่จะพิจารณาว่าสินค้าใดเป็นสินค้าสำเร็จรูป ต้องพิจารณาถึงสภาพของสินค้านั้นเองว่า อาจอุปโภคเป็นหลัก มิใช่พิจารณาถึงตัวบุคคลผู้ใช้หรือจุดประสงค์ของการใช้เป็นหลักดังฟ้องของโจทก์ เมื่อแผ่นสลากดังกล่าวตามสภาพพร้อมที่จะนำไปอุปโภคได้แล้ว แม้การที่โจทก์สั่งซื้อและนำสินค้าแผ่นสลากนี้เข้ามาเพื่อประโยชน์ในการผลิตถ่านไฟฉายก็ดี ก็หาทำให้แผ่นสลากดังกล่าวเปลี่ยนสภาพจากสินค้าสำเร็จรูปเป็นสินค้าไม่สำเร็จรูปได้ไม่ ขอให้ยกฟ้อง ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อเดียวว่าสลากที่มีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือไม่โจทก์จำเลยไม่สืบพยานและรับข้อเท็จจริงกันดังนี้ 1. โจทก์ได้สั่งสินค้าแผ่นสลากดังกล่าวมาจากต่างประเทศเป็นแผ่น ๆ 2. โจทก์ต้องนำแผ่นสลากนี้ไปปิดกับท่อกระดาษแข็ง 3. เมื่อปิดเรียบร้อยแล้ว ต้องตัดเป็นท่อน ๆ ขนาดเท่ากับขนาดถ่านไฟฉาย 4. แล้วนำไปสวมกับถ่านไฟฉาย เสร็จแล้วนำเข้าเครื่องจักรผนึกหัวท้ายด้วยแผ่นดีบุกจึงสำเร็จเป็นถ่านไฟฉาย 5. แผ่นสลากดังกล่าว โจทก์ไม่ได้นำออกจำหน่ายเป็นแผ่น ๆ แต่นำไปใช้ดังที่กล่าวในข้อ 2,3 และ 4 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า แผ่นสลากของโจทก์โดยสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูปพิพากษาฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แผ่นสลากดังกล่าวจำต้องดัดแปลงหรือผสม คือ นำเข้าสวมกับถ่านไฟฉายซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญของการประกอบอุตสาหกรรมของโจทก์ จึงจะสำเร็จเป็นรูปในสภาพของถ่านไฟฉายอุปโภคได้สมประโยชน์ของการประกอบการของโจทก์ ลำพังแต่แผ่นสลากที่โจทก์สั่งเข้ามาเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นสินค้าซึ่งอาจอุปโภคบริโภคได้ไม่พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าของจำเลยที่ 2 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3,4,5 จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะได้ความตามโจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ได้นำออกจำหน่ายเป็นแผ่น ๆ ก็ดี แต่จะเห็นได้ว่าแผ่นสลากนี้มีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้วโดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นอีก ก็นำมาใช้ได้ทันที การที่โจทก์นำสลากแผ่นนี้ไปทำการต่าง ๆ เพื่อใช้สวมกับถ่านไฟฉายดังที่โจทก์แถลงไว้ ก็เพื่อประโยชน์ในการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง แผ่นสลากที่พิพาทกันนี้ จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share