คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยปล้นทรัพย์ได้แล้ว ก่อนจะลงเรือนจำเลยบังคับให้เจ้าทรัพย์ไปส่ง พอลงเรือนก็ให้เจ้าทรัพย์ร้องบอกว่า อย่าให้ออกมา ออกมาจะตาย เจ้าทรัพย์จึงร้องว่า พี่น้องเว้ย อย่าพากันออกมาเน้อ พอไปห่างเรือน 1 เส้น จำเลยสองคนยิงปืนขึ้นฟ้าคนละนัดแล้วร้องว่า ใครอย่าเข้ามา เข้ามาต้องตาย แล้วพากันเดินต่อไป ดังนี้ การยิงปืนของจำเลยกับการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอนกัน ถือได้ว่ายิงเพื่อความสะดวกในการที่จะพาทรัพย์ที่ปล้นได้ไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยนี้กับพวกได้บังอาจร่วมกันเป็นคนร้ายทำการปล้นทรัพย์ มีมีด ไม้ และปืนเป็นอาวุธ เมื่อออกไปพ้นรั้วบ้านได้ยิงปืนขู่ไม่ให้คนติดตาม ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐,๘๓ ให้คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์ ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๔,๔๒๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่าไม่ได้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายอาจจำเลยที่ ๓ กับนายสมพงษ์จำเลยที่ ๒ ได้กระทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง แต่จะฟังว่ายิงปืนในการปล้นไม่ถนัด เพราะการปล้นขาดตอนแล้วจึงยิง พิพากษาว่านายสอาดหรืออาจ นายสมพงษ์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ ให้จำคุกคนละ ๑๒ ปี คดีเฉพาะตัวนายหล่อนายตุม ไม่พอฟังลงโทษ ให้ยกฟ้องเฉพาะคดีนี้ คืนของกลางให้เจ้าทรัพย์เท่าที่เจ้าทรัพย์ว่าของตน ให้นายสมพงษ์นายสอาดหรืออาจคืนหรือใช้ราคาที่ยังไม่ได้คืนอีก ๔,๔๒๐ บาท แก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายหล่อนายตุม
นายสอาดหรืออาจ นายสมพงษ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีเฉพาะตัวนายหล่อนายตุมพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังลงโทษได้ อุทธรณ์ของนายสมพงษ์ นายสอาดหรืออาจ วินิจฉัยว่า ได้กระทำผิดดังที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ วินิจฉัยว่า การยิงปืนของจำเลยกับการปล้นยังไม่ขาดตอนกัน เพราะจำเลยยิงปืนเมื่อห่างไปจากที่เกิดเหตุสัก ๑ เส้นเท่านั้นและยิงพร้อมกับร้องว่าอย่าเข้ามา จึงเป็นการยิงขู่เพื่อมิให้ติดตาม อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นว่า นายสมพงษ์จำเลยที่ ๒ นายสอาดหรืออาจจำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ สำหรับจำเลยที่ ๓ ลดมาตราส่วนโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒๐ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
นายสมพงษ์จำเลยที่ ๒ นายสอาดหรืออาจจำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายรายนี้จริง ส่วนปัญหาต่อไปมีว่าในการปล้นทรัพย์รายนี้ คนร้ายได้ใช้ปืนยิงหรือไม่ ในข้อนี้ได้ความว่า เมื่อคนร้ายปล้นทรัพย์ได้แล้วและก่อนจะลงเรือนไป คนร้ายบังคับให้นางเรียงนางพรงไปส่ง พอลงเรือนก็ให้นางเรียงร้องบอกว่าอย่าให้ออกมา ออกมาจะตาย นางเรียงได้ร้องว่า พี่น้องเว้ย อย่าพากันออกมาเน้อ พอไปห่างเรือนราว ๑ เส้น คนร้าย ๒ คนได้ยิงปืนขึ้นฟ้าคนละนัดแล้วร้องว่า ใครอย่าเข้ามา เข้ามาต้องตาย แล้วพากันเดินต่อไป ตามที่คดีได้ความนี้ เห็นว่า การยิงปืนของคนร้ายกับการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอนกัน การยิงปืนของคนร้ายถือได้ว่ายิงเพื่อความสะดวกในการที่จะพาทรัพย์ที่ปล้นได้ไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
พิพากษายืน

Share