คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การแปรรูปไม้พยุงที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อนที่มิใช่เป็นการกระทำเพื่อการค้าไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50(2) คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนที่ให้การว่าจำเลยได้ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่ใช่คำให้การรับสารภาพ ในความผิดฐานแปรรูปไม้เพื่อการค้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จำเลยกับพวกได้ร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้กบไฟฟ้า1 เครื่อง เลื่อยอก 1 ปื้น แม่แรงอัดไม้ 1 อัน ค้อน 2 อันไขควง 2 อัน สิ่ว 1 อัน คีม 1 อัน และเครื่องมืออื่น ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้เครื่องมือดังกล่าวทำการแปรรูปไม้พยุงซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อน โดยเลื่อยออกเป็นแผ่นและเหลี่ยมรวม 27 ชิ้น ปริมาตร 0.05 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นการทำไม้ให้เปลี่ยนรูปและขนาดไปจากเดิม และกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 47, 48, 50,73, 74, 74 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 พ.ศ. 2515 ข้อ 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2518 มาตรา 7, 19, 28 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาแปรรูปไม้รับว่าแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจริงแต่มิได้กระทำเพื่อการค้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคแรก, 73 วรรคแรก ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนเจ้าของโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้ใช้กบไฟฟ้าไสไม้ในโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุและนายชูศักดิ์ ขติฌานัง จ่าสิบตำรวจวิรัตน์ เศรษฐภักดีกับเจ้าพนักงานตำรวจอื่นอีกหลายนาย ได้ร่วมกันจับกุมจำเลยกับยึดไม้พยุงแปรรูปจำนวน 27 แผ่น ปริมาตร 0.05 ลูกบาศก์เมตรกบไฟฟ้า 1 เครื่อง เลื่อยมือ 1 ปื้น แม่แรงอัดไม้ 1 อัน ค้อน 2 อัน ไขควง 2 อัน คีม 1 อัน และสิ่ว 1 อัน จากโรงงานที่เกิดเหตุเป็นของกลาง มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุหรือทำการแปรรูปไม้เพื่อการค้า ส่วนที่โจทก์นำสืบนายชูศักดิ์และจ่าสิบตำรวจวิรัตน์ผู้ร่วมทำการจับกุมจำเลย กับนำสืบร้อยตำรวจโทวีระวัฒน์ สระบัวพนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่าในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพดังปรากฏตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 ตามลำดับนั้น เห็นว่า จำเลยให้การและนำสืบปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด และสำหรับความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น จากคำเบิกความของนายชูศักดิ์ จ่าสิบตำรวจวิรัตน์ ประกอบกับบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.2 ที่ได้ความว่าในชั้นจับกุมจำเลยให้การว่าโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุเป็นของนายแดงที่จำเลยไปทำงานรับจ้างก็เจือสมกับคำให้การและทางนำสืบของจำเลยที่ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ที่ทำการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุส่วนความผิดฐานแปรรูปไม้เพื่อการค้าก็เห็นว่าจากคำเบิกความของนายชูศักดิ์จ่าสิบตำรวจวิรัตน์ และร้อยตำรวจโทวีระวัฒน์ประกอบกับบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 ได้ความว่าในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การเพียงว่าจำเลยได้ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้ทำการแปรรูปไม้เพื่อการค้า ซึ่งการแปรรูปไม้พยุงของกลางที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อนตามฟ้องของโจทก์ที่มิใช่เป็นการกระทำเพื่อการค้าไม่เป็นความผิดดังที่บัญญัติในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50(2) คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนตามที่โจทก์นำสืบจึงไม่ใช่คำให้การรับสารภาพในความผิดฐานแปรรูปไม้เพื่อการค้า จากพยานหลักฐานของโจทก์และของจำเลยดังวินิจฉัยแล้ว จึงเห็นว่าคดีไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะให้รับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือทำการแปรรูปไม้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตดังฟ้องของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share