คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหาย โดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไก ปืนหากเจตนาฆ่า ก็อาจยิงได้ทันที โดยที่ไม่อาจห้ามได้ทัน เหตุเกิดในเวลากลางวันที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุ1 เดือนเศษ จำเลยใช้ไม้ตีศีรษะ ช. พี่ภรรยาของผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายพาช.ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ไม่น่าเป็นเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่ากัน เมื่อพี่เขยจำเลยมาจับมือที่ถือปืนให้ปากกระบอกเบนขึ้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยพยายามดิ้นรนขัดขืน ที่จะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้เสียหาย อาจกระทำไปเพื่อขู่ จึงไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปีคำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้1 ใน 3 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวนี้โจทก์มีนายเลี่ยมผู้เสียหาย นายปา ปิ่นเกตุ นายไพร นิ่มทองปลอดและนายแดง พรหมมาศเบิกความเป็นพยานว่า วันเกิดเหตุพยานเห็นจำเลยวิ่งมาจากหลังบ้านผู้เสียหายถือปืนสั้นมาด้วยเมื่อวิ่งมาถึงหน้าบ้านห่างจากที่พวกพยานนั่งอยู่ประมาณ3 เมตร จำเลยพูดว่า “ยิงแม่มันทิ้งเลย” พร้อมกับยกปืนจ้องมายังผู้เสียหายนิ้วชี้มือขวาอยู่ในโกร่ง ไก ปืน พี่เขยและพี่สาวของจำเลยได้เข้ามาห้าม และพาจำเลยกลับไป เห็นว่าเหตุเกิดในเวลากลางวัน เมื่อเกิดเหตุแล้วผู้เสียหายก็ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายและพยานไว้ในวันเกิดเหตุนั้นเอง ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าวันเกิดเหตุจำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้นจ้องไปยังผู้เสียหายจริงปัญหาที่จะได้วินิจฉัยต่อไปมีว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ในปัญหาดังกล่าวนี้นายแดง พรหมมาศ พยานโจทก์ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเบิกความว่าขณะเกิดเหตุนิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไก ปืน หากจำเลยประสงค์จะยิงปืนจริง แม้จะมีคนห้ามก็ยิงปืนได้เห็นว่าการที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไก ปืนแล้วเช่นนั้น หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายจริง จำเลยก็อาจยิงได้ทันที โดยที่ไม่อาจห้ามได้ทัน นอกจากนี้ขณะที่พี่เขยและพี่สาวเข้ามาห้ามจำเลยโดยพี่เขยได้จับมือจำเลยที่ถือปืนให้ปากกระบอกเบนขึ้นนั้นทางพิจารณาก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พยายามดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหายแต่อย่างใดส่วนที่โจทก์นำสืบถึงสาเหตุที่เกิดเป็นคดีนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือนเศษ จำเลยใช้ไม้ตีศีรษะนางชูพี่ภรรยาของผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายพานางชูไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนั้น เห็นว่าเหตุดังกล่าวเกิดมาเป็นเวลานานถึง 1 เดือนเศษแล้ว ทั้งก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่ากัน หากจำเลยคิดจะฆ่าผู้เสียหายก็อาจจะลอบฆ่าในโอกาสอื่นที่ดีกว่านี้ได้ เช่นในเวลากลางคืนหรือในเวลาที่ปลอดคน แทนที่จะมาฆ่าในเวลากลางวันที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเช่นนั้น ดูเป็นการผิดวิสัยของคนร้าย เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้นจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหายจำเลยอาจกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share