แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องและผู้คัดค้านในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกัน และมูลคดีล้วนเนื่องมาจากการขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และผู้คัดค้านโต้แย้งว่าผู้คัดค้านถอนตัวจากความผูกพันตามสัญญาระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยแล้ว อนุญาโตตุลาการจึงไม่มีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณาและชี้ขาด ดังนั้น ประเด็นสำคัญแห่งคดีตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยทั้ง 23 คำชี้ขาด จึงเป็นเรื่องเดียวกัน มูลหนี้ที่ผู้ร้องนำมาร้องขอบังคับในคดีนี้จึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมพิจารณาเข้าด้วยกันได้ เมื่อมูลหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยทั้ง 23 คำชี้ขาด รวมกันเป็นเงินเกินกว่า 300,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้ที่จะพิจารณาพิพากษา
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องกับผู้คัดค้านทำสัญญาระงับข้อพิพาทโดยตกลงเสนอข้อพิพาททางแพ่งซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสัญญาประกันภัยและความรับผิดตามสัญญาประกันภัยระหว่างกันให้อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยเป็นผู้ชี้ขาด ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 ผู้ร้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยชี้ขาดรวม 23 ข้อพิพาท อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชำระเงินให้แก่ผู้ร้องและส่งคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านทราบแล้ว แต่ผู้คัดค้านไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยหมายเลขแดงที่ 478/2547, 673/2547, 691/2547, 689/2547, 743/2547, 677/2547, 690/2547, 708/2547, 815/2547, 880/2547, 1024/2547, 2176/2547, 811/2547, 4827/2546, 4826/2546, 2981/2546, 2950/2546, 3114/2546, 3146/2546, 3396/2546, 4820/2546, 4821/2546 และ4819/2546 รวมเป็นต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมชั้นอนุญาโตตุลาการทั้ง 23 คำชี้ขาด เป็นเงิน 718,361.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าผู้คัดค้านจะชำระแก่ผู้ร้องเสร็จสิ้น
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยไม่มีอำนาจชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว เพราะผู้คัดค้านได้รับอนุญาตให้ลาออกจากการเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 ดังนั้น คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งทุนทรัพย์ที่ขอบังคับแต่ละรายไม่ถึง 300,000 บาท ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงิน 610,801.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามที่ระบุในคำชี้ขาดเอกสารหมาย ร. 29, ร. 31, ร. 33, ร. 35, ร. 37, ร. 39, ร. 41, ร. 43, ร. 45, ร. 47, ร. 49, ร. 51, ร. 53, ร. 55, ร. 57, ร. 59, ร. 61, ร. 63, ร. 65, ร. 67, ร. 69, ร. 71, ร. 73 แก่ผู้ร้อง ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้อุทธรณ์โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังว่า ผู้ร้องกับผู้คัดค้านตกลงทำสัญญาระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัย ต่อมาผู้คัดค้านทำหนังสือขอถอนตัวจากความผูกพันตามสัญญาโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยชี้ขาดรวม 23 คำเสนอ โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 4 คำเสนอตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1464/2546, 1465/2546, 1466/2546 และ 1468/2546 วันที่ 27 พฤษภาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 2786/2546 วันที่ 10 มิถุนายน 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 3138/2546 วันที่ 16 มิถุนายน 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 2 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 3257/2546 และ 3258/2546 วันที่ 2 กรกฎาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 3484/2546 วันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 2 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 3849/2546 และ 3852/2546 วันที่ 16 ตุลาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 4861/2546 วันที่ 28 ตุลาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 9 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 4978/2546, 4980/2546, 4981/2546, 4982/2546, 4984/2546, 4985/2546, 4986/2546, 4987/2546 และ 4988/2546 วันที่ 30 ตุลาคม 2546 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 5061/2546 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 ยื่นคำเสนอข้อพิพาท 1 คำเสนอ ตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 454/2547 อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชำระเงินให้แก่ผู้ร้องทั้ง 23 คำเสนอ รวมเป็นเงิน 718,361.87 บาท
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ โดยผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า คำชี้ขาดแต่ละคำชี้ขาดวินิจฉัยข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับสัญญาประกันภัยและความรับผิดตามสัญญาประกันภัยแต่ละฝ่าย ซึ่งเป็นข้อพิพาทต่างรายกัน มูลความแห่งคดีแตกต่างกันและแยกจากกันต่างหาก ผู้ร้องจึงไม่สามารถนำคำชี้ขาดข้อพิพาทแต่ละรายที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มูลความแห่งคดีแตกต่างกันและแยกจากกันได้ มาขอให้ศาลบังคับในคดีเดียวกันได้ เมื่อพิจารณาจากคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการแต่ละคำชี้ขาดล้วนแต่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 300,000 บาท จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง เห็นว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกันและมูลคดีล้วนเนื่องมาจากการขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและผู้คัดค้านโต้แย้งว่า ผู้คัดค้านถอนตัวจากความผูกพันตามสัญญาระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยแล้ว อนุญาโตตุลาการจึงไม่มีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณาและชี้ขาด ดังนั้น ประเด็นสำคัญแห่งคดีตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยทั้ง 23 คำชี้ขาด จึงเป็นเรื่องเดียวกัน มูลหนี้ที่ผู้ร้องนำมาร้องขอบังคับในคดีนี้จึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมพิจารณาเข้าด้วยกันได้ เมื่อมูลหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยทั้ง 23 คำชี้ขาด รวมกันเป็นเงินเกินกว่า 300,000 บาท คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ที่จะพิจารณาพิพากษา อุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ผู้ร้องไม่ได้แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้