แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของ โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และโจทก์ที่ 6 ถึงที่ 8 แล้วว่า ก่อน ณ. ผู้จัดการโรงงานจะมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่บริษัท พ. และบริษัท ม. ณ. ได้ยื่นข้อเสนอว่าจำเลยไม่มีงานให้โจทก์ทำ หากโจทก์ทั้งแปดลาออกจำเลยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ เมื่อโจทก์ทั้งแปดไม่ยอมลาออก จำเลยจึงสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมาในบริษัทดังกล่าว แสดงว่าโจทก์ได้นำสืบตามฟ้องแล้วและศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์แล้วเช่นกันส่วนที่ศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเสนอเงินช่วยเหลือโจทก์ถ้าโจทก์ลาออกนั้นเป็นเพียง ยกข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อให้มีเหตุผลสนับสนุนในการรับฟัง ข้อเท็จจริงได้หนักแน่นขึ้นว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งแปด ไปทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมา เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์เท่านั้น ไม่เป็นการรับฟัง ข้อเท็จจริงนอกฟ้อง
ย่อยาว
คดีทั้งแปดสำนวนนี้ศาลให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 8
โจทก์ทั้งแปดสำนวนฟ้องใจความทำนองเดียวกันว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดโดยกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งแปดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ทั้งเคยถูกตักเตือนเป็นหนังสือมาแล้วสองครั้ง เป็นการกระทำอันเป็นปรปักษ์กระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยและค่าเสียหายกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งแปดตามบัญชีคำขอท้ายฟ้อง
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งแปดเป็นลูกจ้างจำเลย เมื่อเดือนมกราคม2540 จำเลยกับสหภาพแรงงานของลูกจ้างมีปัญหาข้อพิพาทแรงงานและยังตกลงกันไม่ได้จำเลยจึงให้ลูกจ้างบางส่วนซึ่งรวมโจทก์ทั้งแปดด้วยไปทำงานที่บริษัทพาร์คอนซอร์เตี้ยม จำกัด และบริษัทมนทินีการ์เมนท์ จำกัด เป็นการชั่วคราวจนกว่าข้อพิพาทแรงงานจะยุติแต่โจทก์ทั้งแปดไม่ไปปฏิบัติงานตามคำสั่งจำเลยมีหนังสือเตือนโจทก์ทั้งแปดคนละสองครั้งแล้วโจทก์ทั้งแปดยังไม่ยอมไปทำงานตามคำสั่ง ถือได้ว่าการกระทำของโจทก์ทั้งแปดเป็นการละทิ้งหน้าที่ ขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา เป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือนและจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดได้และไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่บริษัทในเครือของบริษัทจำเลยที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมา ดังกล่าวสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ที่ 2, 3, 4, 5 และ 7ไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงว่าโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวต้องทำงานนอกโรงงานจำเลย หากจำเลยประสงค์ให้โจทก์ทั้งห้าไปทำงานนอกสถานที่ประกอบการจะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งห้าเสียก่อนเพราะคำสั่งจำเลยดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างอันมีผลทำให้โจทก์ทั้งห้ารับภาระเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนโจทก์ที่ 1, 6 และ 8 แม้จะให้ความยินยอมในขณะสมัครงานว่าโจทก์ทั้งสามไม่ขัดข้องที่จะถูกโอนหรือย้ายไปปฏิบัติงานในเครือของบริษัทจำเลยก็ตาม แต่เหตุที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมาเพราะโจทก์ทั้งแปดไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือเท่ากับค่าจ้าง 1 เดือนแลกกับการลาออก และจำเลยทราบดีว่าแม้โจทก์เดินทางไปตามคำสั่งก็ไม่มีงานให้โจทก์ทั้งแปดทำ การที่จำเลยสั่งดังกล่าวมีผลให้โจทก์ทั้งแปดต้องเดินทางไกลห่างจากครอบครัวและเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งแปด คำสั่งของจำเลยดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าชดเชยและค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งแปดตามบัญชีแนบท้ายคำพิพากษา
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์จำเลยข้อ 5.1 แต่เพียงว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีโดยรับฟังข้อเท็จจริงนอกฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยแจ้งโจทก์ว่าไม่มีงานให้ทำแล้วจำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่บริษัทในเครือ โจทก์ทั้งแปดไม่ยอมไปเพราะไม่ใช่บริษัทของจำเลยแต่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเสนอให้โจทก์ทั้งแปดลาออกโดยจำเลยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ เมื่อโจทก์ทั้งแปดไม่ยอมลาออกจึงแกล้งสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่บริษัทในเครือของจำเลยดังกล่าวนั้นเห็นว่า ศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และโจทก์ที่ 6 ถึงที่ 8 แล้วว่าก่อนนายณรงค์ นำรอดภัย ผู้จัดการโรงงานจะมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่บริษัทพาร์คอนซอร์เตี้ยม จำกัด และบริษัทมนทินีการ์เมนท์ จำกัด นายณรงค์ได้ยื่นข้อเสนอว่าจำเลยไม่มีงานให้โจทก์ทำ หากโจทก์ทั้งแปดลาออก จำเลยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้เท่าค่าจ้างคนละ 1 เดือน เมื่อโจทก์ทั้งแปดไม่ยอมลาออกจำเลยจึงสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมาดังกล่าวแสดงว่าโจทก์ได้นำสืบตามฟ้องแล้วและศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์แล้วเช่นกันส่วนที่ศาลแรงงานกลางยกข้อเท็จจริงว่า จำเลยเสนอให้เงินช่วยเหลือโจทก์ถ้าโจทก์ลาออกนั้นก็เป็นเพียงยกข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อให้มีเหตุผลสนับสนุนในการรับฟังข้อเท็จจริงได้หนักแน่นขึ้นว่า จำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดนครราชสีมาเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์เท่านั้นไม่เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกฟ้อง”
พิพากษายืน