คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วปักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักเขตตรงเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้พอดี ต้องถือว่าตรงนั้นเป็น เขตที่ดิน ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนโรงเรือน พื้นคอนกรีตและรั้วส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดที่ ๕๖๒๓ ของโจทก์ คดีถึงที่สุดและได้มีการส่งคำบังคับให้จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล ขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังจำเลยไว้เพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยสอบถาม แล้วมีคำสั่งให้หมายขังจำเลยทั้งสามไว้จนกว่าจะปฏิบัติ ตามคำพิพากษา
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกาว่า ที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เพียง ๑๙๕ ตารางวา ไม่ทราบว่าแนวเขตอยู่ตรงไหน แต่ตามแผนที่พิพาทที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดได้เนื้อที่๑๙๙ ตารางวาเกินกว่าคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นบังคับคดีกับจำเลยตามรูปแผนที่พิพาทจึงไม่ถูกต้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ โจทก์จำเลยได้แถลงรับกันว่าที่พิพาทมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยน ฐานรูปสามเหลี่ยมอยู่ทางทิศตะวันออกยาว ๘๐ เซนติเมตรมีจุดยอดอยู่ตรงหลักเขตด้านถนนอู่ทอง แล้วโจทก์จำเลยตกลงท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์จำเลย หากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วบักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักหลักเขตในที่พิพาทตรงเส้นสีแดงซึ่งเป็นเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้ พอดีจึงต้องถือว่าตรงนั้นเป็นเขตที่ดิน ที่พิพาทอยู่ในเขตที่โจทก์นำชี้ ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์และจำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้าดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามแพ้คดีตามคำท้า โดยพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนโรงเรียน พื้นคอนกรีตและรั้วส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ ๕๖๒๓ ออกไปจากที่ดินโจทก์นั้นย่อมหมายถึงรื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องดังจำเลยอ้างแต่อย่างใด จำเลยทั้งสามปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share