คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อายุความฟ้องร้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ดังนั้น เช็คลงวันที่ 5 สิงหาคม2540 ย่อมครบกำหนดอายุความในวันที่ 5 สิงหาคม 2541 ปรากฏว่าในวันครบกำหนดดังกล่าวโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่นซึ่งโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ว่า โจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำฟ้องไปยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่มีเขตศาลเหนือคดีแต่เงินที่เสมียนทนายเตรียมไปไม่พอกับค่าธรรมเนียม เสมียนทนายจึงนำคำฟ้องกลับมาที่จังหวัดขอนแก่นและแจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อเวลา 16 นาฬิกา อันเป็นเหตุสุดวิสัยที่โจทก์ไม่สามารถกลับไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานีได้ทัน จึงขออนุญาตยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นสั่งในคำร้องว่า “รับไว้ส่งศาลจังหวัดอุดรธานีโดยด่วนเพื่อพิจารณาต่อไป” คำสั่งดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่าโจทก์ไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนั้นได้โดยเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 แม้ว่าศาลจังหวัดขอนแก่นจะมิได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ แต่การที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นสั่งรับคำร้องและให้ส่งศาลจังหวัดอุดรธานีพิจารณาโดยด่วนนั้น ย่อมถือได้ว่าศาลจังหวัดขอนแก่นได้ยอมรับคำฟ้องของโจทก์แล้ว ส่วนการที่ศาลจังหวัดขอนแก่นจะส่งคำฟ้องไปให้ศาลจังหวัดอุดรธานีพิจารณาสั่งในภายหลังก็เป็นขั้นตอนปฏิบัติของศาลมิได้เกี่ยวกับคู่ความ แม้ศาลจังหวัดอุดรธานีจะมีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ภายหลังก็หามีผลทำให้คดีของโจทก์ที่ยื่นฟ้องภายในกำหนดอายุความกลับกลายเป็นคดีที่ขาดอายุความไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) สาขาอุดรธานี 1 ฉบับ และสาขาถนนประจักษ์ อุดรธานี 1 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 5 สิงหาคม 2540 จำนวนเงิน 144,131 บาท และ ฉบับที่สอง ลงวันที่ 10พฤศจิกายน 2540 จำนวนเงิน 100,000 บาท เช็คทั้งสองฉบับจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า เมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนด โจทก์นำเข้าเรียกเก็บ ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ 6 สิงหาคม 2540 และวันที่ 10 พฤศจิกายน 2540ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 260,424 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 244,131 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยไม่มีมูลหนี้กับโจทก์ การที่จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันสินค้าเท่านั้น หากชำระเงินสดแล้วโจทก์จะต้องคืนเช็คให้แก่จำเลย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องมาในมูลหนี้ตามเช็คว่าเป็นผู้ทรงเช็คจากมูลหนี้อะไร ทำให้จำเลยไม่เข้าใจฟ้องและจำเลยหลงข้อต่อสู้ จำเลยลงลายมือชื่อเฉพาะเช็คฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 เพียงฉบับเดียวและชำระหนี้ไปหมดสิ้นแล้ว โจทก์นำเช็คมาฟ้องหลังจากขาดอายุความ โจทก์ใช้สิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเช็คเลขที่3414342 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 จำนวนเงิน 100,000 บาท เนื่องจากจำเลยได้ชำระเงิน 100,000 บาท ในคดีอาญาตามเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ชั้นฎีกาว่า เช็คเลขที่ 1204410 ลงวันที่ 5 สิงหาคม2540 จำนวนเงิน 144,131 บาท ตามคำฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย อายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 เช็คเลขที่ 1204410ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2540 ย่อมครบกำหนดอายุความ 1 ปี ในวันที่ 5 สิงหาคม 2541ปรากฏว่าในวันที่ 5 สิงหาคม 2541 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่อ้างว่า โจทก์ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำฟ้องไปยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่มีเขตศาลเหนือคดี แต่โจทก์มิได้เตรียมค่าส่งหมายมอบให้ไปด้วยเพราะตั้งใจว่าจะเสียค่าธรรมเนียมส่วนนี้ในภายหลังเมื่อเสมียนทนายยื่นฟ้องแล้ว เจ้าพนักงานศาลแจ้งให้เสียค่าธรรมเนียมทั้งหมดในคราวเดียวกัน เงินที่เตรียมไปจึงไม่พอ เสมียนทนายได้นำคำฟ้องกลับมาที่จังหวัดขอนแก่น โดยไม่ทราบว่าคดีจะขาดอายุความและได้แจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อเวลา 16 นาฬิกา จึงเป็นเหตุสุดวิสัยทำให้โจทก์ไม่สามารถกลับไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานีได้ทัน จึงขออนุญาตยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ศาลจังหวัดขอนแก่นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นได้เกษียนสั่งคำร้องของโจทก์ว่า รับไว้ส่งศาลจังหวัดอุดรธานีโดยด่วนเพื่อพิจารณาต่อไปคำสั่งของศาลจังหวัดขอนแก่นดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่า โจทก์ไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนั้นได้โดยเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ถึงแม้ศาลจังหวัดขอนแก่นจะมิได้มีคำสั่งรับฟ้องในคำฟ้องของโจทก์แต่การที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นได้สั่งรับคำร้องของโจทก์ไว้และส่งให้ศาลจังหวัดอุดรธานีพิจารณาโดยด่วนต่อไป ก็ย่อมถือได้ว่าศาลจังหวัดขอนแก่นได้ยอมรับคำฟ้องของโจทก์แล้ว ส่วนการที่ศาลจังหวัดขอนแก่นจะส่งคำฟ้องไปให้ศาลจังหวัดอุดรธานีพิจารณาสั่งในภายหลังก็เป็นขั้นตอนปฏิบัติของศาลมิได้เกี่ยวกับคู่ความแม้ศาลจังหวัดอุดรธานีจะมีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ในภายหลังก็ไม่มีผลทำให้คดีของโจทก์ที่ยื่นฟ้องไว้ภายในกำหนดอายุความกลับกลายเป็นคดีที่ขาดอายุความ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเช็คเลขที่ 1204410 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2540 ตามคำฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแล้ว จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนเช็คเลขที่ 1204410ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2540 ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอื่นที่เหลือต่อไปเฉพาะในคำฟ้องส่วนนี้ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share