แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียวรองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว มีหัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.2477มาตรา 4 ยังไม่เรียกว่า แต่งเครื่องแบบทหารตามความหมายในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3)พ.ศ.2485 ที่ยกเลิกแก้ไขมาตรา 6 เดิม จำเลยจึงยังไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยไม่ได้เป็นทหารและไม่มีสิทธิแต่งเครื่องแบบทหารได้บังอาจแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบก ซึ่งยังคงใช้ในราชการอยู่ แสดงให้ปรากฏเพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าตนเป็นทหาร แล้วชกต่อยพลตำรวจสมบัติพรรณภักตรา เกิดอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ เจ้าพนักงานตำรวจจับได้ขณะเกิดเหตุพร้อมด้วยเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว ๑ เส้น หัวเข็มขัดทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบก ๑ อัน กางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว ๑ ตัว รองเท้าหนังสีดำ ๑ คู่ เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๖ พระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๕มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๑๔๖
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ ๓)พ.ศ. ๒๔๘๕ มาตรา ๓ อันเป็นกระทงหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑จำคุก ๖ เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๓ เดือน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้นโดยไม่รอ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การนำเพียงเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งส่วนใดของทหารไปแต่ง ไม่เป็นการแต่งเครื่องแบบทหาร และไม่ทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่าจำเลยเป็นทหารจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้ แม้จำเลยรับสารภาพและไม่อุทธรณ์ในปัญหานี้ แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยฯจำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายกระทงเดียว ซึ่งศาลชั้นต้นมิได้กำหนดโทษฐานนี้ไว้ เพราะลงกระทงหนักกระทงเดียว จึงพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ กระทงเดียว ปรับ ๔๐๐ บาทลดโทษเพราะมีเหตุควรปรานีตามมาตรา ๗๘ ให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๒๐๐ บาท ข้อหาของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกาเฉพาะในข้อหาความผิดฐานแต่งเครื่องแบบทหารว่าแม้จำเลยจะแต่งเครื่องแบบทหารไม่ครบตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๔ แต่บุคคลที่พบเห็นเชื่อว่าจำเลยเป็นทหาร ทั้งจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่มีข้อแก้ตัวอย่างใด จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงประกอบคำฟ้องและคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เป็นอันฟังได้ว่า ที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบกโดยไม่มีสิทธินั้น ก็โดยจำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว ๑ ตัว รองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำ ๑ คู่ เข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว๑ เส้น หัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบก ๑ อัน อันเป็นของกลางในคดีนี้ พระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๔ มีบัญญัติว่า”เครื่องแบบทหารหมายถึงเครื่องแต่งกายทั้งหลายที่ได้กำหนดให้ทหารแต่ง
เครื่องแบบทหารย่อมประกอบด้วย หมวก เสื้อ กางเกง รองเท้าเครื่องหมายยศ เหล่า จำพวก สังกัด และอื่น ๆ กับเครื่องประกอบต่าง ๆ ”
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เครื่องแบบทหารตามมาตราดังกล่าวได้ระบุเครื่องแต่งกายให้ประกอบด้วยหลายอย่างหลายประการ จำเลยแต่งกายเพียงดังกล่าวข้างต้นจึงยังไม่เป็นการแต่งเครื่องแบบทหารตามความหมายแห่งมาตรานั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็เป็นการรับสารภาพไปโดยเข้าใจผิด ลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้
พิพากษายืน ของกลางให้คืนจำเลย