คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็ค เป็นการประกันหนี้โดย เจตนาไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเงิน แม้ธนาคารตาม เช็ค ปฏิเสธการจ่ายเงินตาม เช็ค นั้นการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางพรศรี ทิพย์มงคลศิลป์ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เป็นการกระทำผิด 3 กรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 5 เดือนรวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องทั้ง 3 ฉบับ ต่อมาวันที่ 20 พฤษภาคม 2530 โจทก์ร่วมได้นำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 3 ฉบับ โดยให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้ว ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่
โจทก์ร่วมเบิกความว่า จำเลยนำเช็คตามฟ้องทั้งสามฉบับมาแลกเงินสดจำนวน 150,000 บาท จากโจทก์ร่วมเมื่อวันที่ 30 เมษายน2530 ส่วนจำเลยเบิกความว่าจำเลยรับจ้างตัดรองเท้าให้บริษัทกิจศรีอิมปอร์ตเอกซ์ปอร์ต จำกัด ที่โจทก์ร่วมเป็นกรรมการ เช็คตามฟ้องจำเลยสั่งจ่ายให้บริษัทกิจศรีอิมปอร์ตเอกซ์ปอร์ต จำกัดเป็นการค้ำประกันเงินที่จำเลยเบิกค่าจ้างล่วงหน้า ทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ได้ความว่าขณะที่โจทก์ร่วมรับเช็คตามฟ้องจากจำเลยนั้น จำเลยยังรับจ้างตัดรองเท้าให้กับบริษัทดังกล่าวทั้งจำเลยยังเคยกู้ยืมเงินของบริษัทด้วย โจทก์ร่วมเบิกความว่าได้รู้จักกับจำเลยก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ปี โดยลูกจ้างของโจทก์ร่วมที่รู้จักกับจำเลยชักชวนให้จำเลยมาทำงานให้กับบริษัท แสดงว่าโจทก์ร่วมรู้จักกับจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นผู้รับจ้างของบริษัทที่โจทก์เป็นกรรมการอยู่เท่านั้น เมื่อเงินตามเช็คที่สั่งจ่ายเป็นจำนวนมากผู้ที่จะรับแลกเช็คต้องมีความมั่นใจว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้วสามารถเรียกเก็บเงินได้ การที่จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างทำของให้กับบริษัทที่โจทก์ร่วมเป็นกรรมการอยู่และต้องยืมเงินของบริษัทมาใช้ในการดำเนินกิจการของจำเลย อันเป็นการแสดงว่าฐานะทางการเงินของจำเลยไม่มั่นคง ซึ่งโจทก์ร่วมย่อมจะต้องทราบดี จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่โจทก์ร่วมจะรับแลกเช็คตามฟ้องจากจำเลย ส่วนการที่บริษัทกิจศรีอิมปอร์ตเอกซ์ปอร์ต จำกัด จะให้จำเลยยืมเงินไปเพื่อเป็นทุนทำงานให้บริษัท และให้จำเลยออกเช็คตามฟ้องค้ำประกันนั้นเป็นประโยชน์ของบริษัทและบริษัทดังกล่าวอาจหักเงินจำนวนตามเช็คออกจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้จำเลยได้อยู่แล้ว ข้อนำสืบของจำเลยสมเหตุผลน่าเชื่อกว่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ เมื่อฟังว่าเช็คตามฟ้องจำเลยสั่งจ่ายเป็นการประกันหนี้โดยเจตนาไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเงิน แม้ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง…”
พิพากษายืน.

Share