คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1372/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินไป 28,750 บาท จำเลยให้การว่ากู้ไปเพียง 4,000 บาท โดยโจทก์ให้จำเลยลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ การที่จำเลยนำสืบตัวจำเลยและพยานบุคคลอีกสองคนว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจำนวน 4,000 บาท โจทก์ได้ให้จำเลยลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ เป็นการนำสืบให้เห็นว่า มีการกรอกข้อความที่ผิดความจริงว่าจำเลยกู้เงินไป 28,750 บาท ลงในสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้อง ซึ่งหากฟังได้สัญญากู้ดังกล่าวย่อมเป็นเอกสารปลอม การนำสืบเช่นนี้เป็นการนำสืบหักล้างเอกสาร จำเลยมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและได้รับเงินไปเป็นจำนวน ๒๘,๗๕๐ บาท ให้ดอกเบี้ยในอัตราชั่งละหนึ่งบาทต่อเดือน จะชำระคืนภายในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๒๓ นับแต่กู้เงินไป จำเลยไม่เคยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเลย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปเพียง ๔,๐๐๐ บาท สัญญาที่ทำไว้จำเลยลงชื่อไว้อย่างเดียว โดยขณะที่ลงชื่อไม่ได้กรอกข้อความอะไรไว้เลย เพราะเชื่อใจกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การรับฟังคำให้การของจำเลย และพยานบุคคลอื่นของจำเลย เป็นการรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำสืบตัวจำเลยเอง นางม้วน และนางขาวว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจำนวน ๔,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ให้จำเลยลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ เป็นการนำสืบให้เห็นว่า มีการกรอกข้อความที่ผิดความจริงว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๒๘,๗๕๐ บาท ลงในสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้อง ซึ่งหากฟังได้สัญญากู้ดังกล่าวย่อมเป็นเอกสารปลอม การนำสืบเช่นนี้เป็นการนำสืบหักล้างเอกสาร จำเลยมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ วรรคสอง ไม่อยู่ในบังคับห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังตามวรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์รับฟังคำพยานบุคคลดังกล่าวของจำเลยหาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ ดังโจทก์อ้างไม่
พิพากษายืน

Share