คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดออกตราจองที่ดินให้โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินรายนี้ทางราชการสงวนไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เกี่ยวกับการพระสาสนา ดังนี้ศาลจะพิพากษาคดีเสียทีเดียวจะพิพากษาคดีเสียทีเดียวโดยไม่ฟังพะยานของทั้งสองฝ่ายไม่ได้. กิจการใดที่กฎหมายมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานวินิจฉัยได้ เจ้าพนักงานจะวินิจฉัยให้เป็นประการใดย่อมแล้วแต่กรณีและเหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป. ค่าธรรมเนียม

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ที่ ๑ และ ๒ ได้ก่นสร้างที่ดินและปลูกธัญญพืชน์ตลอดมาแล้วโอนขายให้โจทก์ที่ ๓ ๆ ไปขอออกตราจองต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จำเลยเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งข้อขัดข้องไม่ยอมออกตราจองให้โจทก์จึงขอให้บังคับให้จำเลยออกคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกตราจอง จำเลยให้การว่าที่รายพิพาทนี้ทางราชการสงวนไว้เกี่ยวแก่การพระสาสนา และตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องจำเลยไม่ได้เพราะการออกตราจองไม่ใช่หน้าที่ข้าหลวงประจำจังหวัด
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้วพิพากษาว่าตามพ.ร.บ.การออกโฉนดที่ดิน ปี ๑๒๗ ม.๖๑ เมื่อรัฐบาลไม่ประสงค์ให้ผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงใดจะไม่ยอมออกตราจองให้ก็ได้ ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยให้สั่งออกตราจองให้ตามฟ้อง จึงให้ยกฟ้องโจทก์.
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้โจทก์จำเลยยังไม่ได้สืบพะยานหลักฐานพิศูจน์ข้ออ้างของตนจึงไม่มีพะยานหลักฐานพอจะวินิจฉัยคดี ส่วนข้อที่จำเลยโต้เถียงว่ากิจการใดที่มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าพนักงานวินิจฉัยแล้วย่อมอยู่ในอำนาจเจ้าพนักงานจะวินิจฉัยประการใดก็ได้นั้น ย่อมแล้วแต่กรณีและเหตุผลเป็นเรื่องไป จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้โจทก์จำเลยมีโอกาศสืบพะยานหลักฐานตามประเด็นที่โต้แย้งกันจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share