แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กล้องถ่ายภาพยนตร์เป็นของกรมรแรงงาน อยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของ ส. จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ช่างภาพ ส.ได้มอบกุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยเก็บรักษา บางครั้ง ส.กับจำเลยไปถ่ายภาพให้กิจการของกรมแรงงาน บางครั้งจำเลยไปคนเดียว นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปได้โดยไม่ต้องรายงาน ส. แต่เสร็จราชการแล้วต้องนำไปเก็บไว้ที่เดิม ถ้าเสร็จงานเมื่อหมดเวลาราชการ จำเลยนำไปไว้ที่บ้านได้ วันเปิดทำงานก็นำเอาไปเก็บที่เดิม เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า ส.ได้มอบการครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้แก่จำเลย จำเลยเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ไปโดยเจตนาทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๑๗ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด คนร้ายเข้าไปในแผนกสถิติ กองวิชาการและวางแผน กรมแรงงาน เป็นสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ยี่ห้อโบเร็กซ์ ๑ กล้อง ราคา ๑๖,๐๐๐ บาทของกรมแรงงาน นิติบุคคลผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของนายสมบูรณ์ กองแก้ว พนักงานสถิติโท และเก็บรักษาอยู่ที่สถานที่ราชการดังกล่าวนั้น ไปโดยทุจริต ในระหว่างวันเวลาดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของกรมแรงานกับพวกที่หลบหนี ๑ คน ร่วมกันนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่ถูกลักไป ไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำมั่งเชียง ทั้งนี้ ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวแล้ว จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันรับเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ของผู้เสียหายไว้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการทำผิดฐานลักทรัพย์ แล้วเอาไปจำนำไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๗) (๘)(๑๑), มาตรา ๓๕๗,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๘(๘)(๑๑) ให้จำคุก ๓ ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่ราชการเป็นช่างภาพ ได้รับมอบหมายจากนายสมบูรณ์ กองแก้ว ให้เป็นผู้รักษากุญแจตู้เหล็ก เก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์แต่ผู้เดียว จำเลยนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปใช้ในราชการได้ โดยไม่ต้องรายงานผู้ใด แสดงว่าจำเลยมีส่วนในการครอบครองรับผิดชอบกล่องถ่ายภาพยนตร์ร่วมกับนายสมบูรณ์ กองแก้ว การที่จำเลยนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปให้เพื่อนยืมใช้โดยเชื่อว่าเพื่อนจะนำมาคืนให้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเอากล้องถ่ายของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากล้องถ่ายภาพยนตร์ยี่ห้อ โบเร็กซ์เป็นของกรมแรงงาน มีไว้ในราชการในหน่วยประชาสัมพันธ์ และอยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของนายสมบูรณ์ กองแก้ว พนักงานสถิติโท กองวิชาการและวางแผน กรมแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้วย จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานสถิติ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ช่างภาพ ซึ่งเป็นตำแหน่งงานของกองวิชาการวางแผน ยังไม่บรรจุบุคคลเข้าทำงาน จำเลยร่วมทำงานประชาสัมพันธ์ นายสมบูรณ์ ก่องแก้วได้มอบกุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยเก็บรักษา บางครั้ง นายสมบูรณ์ กองแก้ว กับจำเลยไปถ่ายภาพให้กิจการของกรมแรงงาน บางครั้งจำเลยไปคนเดียว นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปได้โดยไม่ต้องรายงานนายสมบูรณ์ กองแก้ว แต่เสร็จราชการแล้วต้องนำไปเก็บไว้ที่เดิม ถ้าเสร็จงานเมื่อหมดเวลาราชการ จำเลยนำไปไว้ที่บ้านได้ วันเปิดทำงานก็นำเอาไปเก็บที่เดิม เช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่ายังถือไม่ได้ว่านายสมบูรณ์ กองแก้ว ได้มอบการครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้แก่จำเลย แม้นายสมบูรณ์ กองแก้ว มอบกุญแจไขตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยไว้ ก็เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ราชการเท่านั้น การครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ยังอยู่กับนายสมบูรณ์ กองแก้ว จำเลยเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ไปโดยเจตนาทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น