คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รั้วที่กั้นเขตบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยเดิมเมื่อจำเลยยังมิได้ต่อเติมอาคารโดยใช้กำแพงรั้วดังกล่าวเป็นฝาห้อง น้ำฝนก็จะสาดและไหลเป็นปกติทั้งสองด้านไม่มีผู้ใดเดือดร้อนครั้นจำเลยต่อเติมอาคารขึ้นน้ำฝนไม่สาดเข้าไปโดนทรัพย์สินของจำเลยและไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องป้องกันหรือแก้ไข เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยมิได้จัดการแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของฝ่ายของฝ่ายโจทก์การกระทำของจำเลยที่ต่อเติมอาคาร จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปได้ตามมาตรา 1337

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5264, 3344เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2530 จำเลยทั้งสองก่อสร้างเพิงพักต่อเติมอาคารเลขที่ 775/20 ไปทางทิศใต้และทิศตะวันตกจนเต็มเนื้อที่ดิน โดยมิได้บอกกล่าวและขอความยินยอมจากโจทก์ก่อนเป็นเหตุให้น้ำฝนตกลงไปยังที่ดินของโจทก์ และเกิดท่วมขังบ้านโจทก์ซึ่งมีระดับต่ำกว่า ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเอาปูนซีเมนต์ที่พอกยาไว้บนกำแพงของโจทก์ออกไปและทำรางน้ำฝนไว้ในที่ที่จำเลยครอบครอง อย่าให้น้ำฝนที่ตกลงจากหลังคาไหลเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีก
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์มิได้เจ้าของที่ดินตามฟ้องจริงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยทั้งสองต่อเติมเพิงหลังคาโดยปูหลังคาจากผนังอาคารของจำเลยทั้งสองมาชิดกำแพงที่ใช้ร่วมกัน และการต่อเติมดังกล่าวมิได้ทำให้น้ำฝนตกลงไปในที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงไม่เสียหายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดทำรางน้ำฝนไว้ในที่ที่จำเลยทั้งสองครอบครอง อย่าให้น้ำฝนที่ตกลงจากหลังคาไหลเข้าไปในที่ดินของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองเอาปูนซีเมนต์ที่พอกยาไว้บนกำแพงรั้วปูนของโจทก์ออกไป ทำกำแพงรั้วปูนให้อยู่ในสภาพเดิม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ได้กระทำโดยสุจริตเพื่อป้องกันรักษาทรัพย์ของจำเลยทั้งสองนั้น รั้วเป็นเครื่องล้อมกันเป็นเขตของบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองเดิมเมื่อจำเลยทั้งสองยังมิได้ต่อเติมอาคารน้ำฝนก็จะสาดและไหลเป็นปกติทั้งสองด้าน ไม่มีผู้ใดเดือดร้อน ครั้นจำเลยทั้งสองต่อเติมอาคารขึ้น น้ำฝนไม่สาดเข้าไปโดนทรัพย์สินของจำเลยและไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติ ซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติเป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องป้องกันหรือแก้ไขเมื่อโจทก์แจ้งว่าน้ำฝนไหลเข้าไปในที่ดินของโจทก์เพราะการกระทำของจำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองมิได้จัดการแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของฝ่ายโจทก์การกระทำของจำเลยที่ต่อเติมอาคารโดยใช้กำแพงรั้วโจทก์ดังกล่าว จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปได้ตามมาตรา 1337
พิพากษายืน

Share