คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภริยารู้เห็นยินยอมในการที่สามีลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจ และมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้บุคคลภายนอกนำไปให้ธนาคารยึดถือไว้เป็นหลักฐานในการที่บุคคลภายนอกเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารนั้น แม้ภริยาจะมิได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจด้วยภริยาก็ต้องผูกพันในการกระทำของสามี
สามีภริยาร่วมรู้เห็นยินยอมให้บุคคลภายนอกเอาโฉนดที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ไปให้ธนาคารยึดถือไว้เป็นหลักฐานในการกู้เบิกเงินเกินบัญชีของบุคคลภายนอก เมื่อบุคคลภายนอกยังค้างชำระหนี้ธนาคารอยู่ ธนาคารก็มีสิทธิยึดโฉนดไว้ได้ สามีและภริยาเจ้าของโฉนดไม่มีสิทธิเรียกคืนโฉนดนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 1396 ร่วมกับนายสืบ รักประสิทธิเมื่อหลายปีมาแล้วนายสืบเอาที่ดินส่วนของตนไปมอบแก่จำเลยเพื่อประกันตัวนายศักดิ์ ชัยปรีชาในการทำงาน ที่ดินส่วนของโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โจทก์ติดต่อขอรับโฉนดคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืน ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดให้โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์กับนายสืบเป็นสามีภริยากัน โจทก์และนายสืบกับนายศักดิ์ลงทุนประกอบการค้าขายร่วมกัน และนายศักดิ์ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากจำเลยนายสืบได้ยอมผูกพันตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันนายศักดิ์ต่อจำเลยโดยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ โดยนายสืบได้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ไว้แก่จำเลย และได้มอบโฉนดรายพิพาทให้แก่จำเลย นายศักดิ์เป็นลูกหนี้จำเลยจนบัดนี้ยังไม่ได้รับชำระ จำเลยมีสิทธิที่จะยึดถือโฉนดพิพาทไว้ได้

จำเลยได้ขอให้ศาลหมายเรียกนายสืบเข้ามาในคดีด้วย

นายสืบให้การว่า ไม่เคยเป็นลูกหนี้ของจำเลย นายศักดิ์บุตรเขยหลอกลวงว่าจะไปทำสัญญารับจ้างเหมาทำงาน ขอยืมโฉนดพิพาทไปประกัน และได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจโดยยังมิได้กรอกข้อความ จำเลยกับนายสืบไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ อันจำเลยจะอ้างมายึดโฉนดรายพิพาทไว้

ศาลชั้นต้นสั่งให้นายสืบเป็นโจทก์ร่วม และพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดคืนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และโจทก์ร่วมมีส่วนได้เสียอยู่ในกิจการของโรงงานที่นายศักดิ์ซื้อไว้ และเชื่อว่าโจทก์และโจทก์ร่วมน่าจะได้รู้เห็นยินยอมมอบโฉนดพิพาทให้นายศักดิ์นำไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นหลักฐานในการที่นายศักดิ์เบิกเงินเกินบัญชีไปจากจำเลยและมีเหตุผลน่าเชื่อว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่โจทก์ร่วมมอบโฉนดพิพาทและเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้นายศักดิ์แม้โจทก์จะมิได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ก็ย่อมต้องผูกพันในการกระทำของโจทก์ร่วมผู้เป็นสามีด้วย เพราะถือได้ว่าโฉนดพิพาทเป็นสินบริคณห์และโจทก์ร่วมมีอำนาจจัดการแทนภริยาตามอำนาจของกฎหมายเมื่อนายศักดิ์ยังค้างชำระหนี้จำเลยอยู่ และฟังได้ว่าโจทก์กับโจทก์ร่วมรู้เห็นยินยอมให้นายศักดิ์เอาโฉนดพิพาทไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นหลักฐานแล้ว จำเลยก็มีสิทธิยึดโฉนดของโจทก์และโจทก์ร่วมไว้ได้ตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมยินยอม

พิพากษายืน

Share