คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่อัยยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยต่อสู้ว่าของกลางเป็นของจำเลยเมื่อศาลไม่ฟังว่าจำเลยมีความผิด แต่ฟังว่าของกลางเป็นของเจ้าทรัพย์ก็สั่งคืนของกลางให้เจ้าทรัพย์ได้
อ้างฎีกาที่ 647/2478,
ที่ 1102/2481
ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.48 วรรค 3 เป็นเรื่องโต้แย้งระหว่างผู้อื่น ไม่เกี่ยวกับจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่ากระบือของนายน้อยหายไปจากทำเลเลี้ยง แล้วจับกระบือได้จากจำเลยโดยจำเลยลักหรือรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายขอให้ลงโทษ จำเลยโต้เถียงว่าเป็นกระบือของจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่พอลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่คดีฟังได้ว่ากระบือของกลางเป็นของนายน้อย จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ให้คืนกระบือของกลางให้นายน้อยไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฝ่ายข้างมากเห็นว่า แม้โจทก์จะเรียกร้องให้คืนกระบือแทนผู้เสียหายตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๔๓ ไม่ได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งคืนของกลางได้โดยไม่ต้องอาศัยคำขอของโจทก์ตาม ม.๔๙ และข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากระบือนั้นเป็นของนายน้อย ที่ศาลชั้นต้นสั่งคืนกระบือของกลางให้นายน้อย ไปนั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืน
ผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์ทางแพ่งอัยยการไม่มีหน้าที่เรียกกระบือคืนแทนเจ้าทรัพย์ ทั้งจำเลยก็โต้เถียงกรรมสิทธิ์ จึงต้องให้ว่ากล่าวกันในทางแพ่ง เห็นควรแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่สั่งคืนกระบือให้นายน้อยนั้นเสีย
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงในเรื่องของกลางได้โต้เถียงกันมาในชั้นต้นและศาลก็ได้พิจารณาประเด็นข้อนี้มาแล้วเมื่อปรากฏว่าเป็นของใครศาลก็มีอำนาจสั่งคืนได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๔๙ ส่วนม.๔๘ วรรค ๓ ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อมีการโต้แย้งก็ให้บุคคลนั้นไปฟ้องนั้นเป็นเรื่องผู้อื่นโต้แย้งไม่ใช่จำเลย จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share