คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับ ส. ฝ่ายหนึ่ง และผู้ตาย โจทก์ร่วม กับ ม.อีกฝ่ายหนึ่งได้ ชกต่อยกัน สาเหตุที่ทั้งสองฝ่ายชกต่อยกันเป็นการสมัครใจวิวาทกัน การที่จำเลยให้การยอมรับว่าได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง และนำสืบว่าจำเลยเรียก ส. ซึ่ง เป็นหลานของจำเลยให้ออกมาชกต่อยกับโจทก์ร่วม นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและมิได้เกิดจากการจำนนต่อ พยานหลักฐาน จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 78.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,371, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบของกลาง
ระหว่างการพิจารณา นายวันชัย ศีลโภควณิชย์ ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนในครอบครองและพาอาวุธปืน ส่วนข้อหาความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, และ 289, 80 การกระทำของจำเลยกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 288 อันเป็นบทหนักตามมาตรา90 วางโทษจำคุกตลอดชีวิต และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสองคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนตามมาตรา 7, 72 วรรคสาม จำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามมาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน รวมโทษทุกกระทงแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยฐานมีและพาอาวุธปืน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนลดโทษแล้ว จำคุก 4 เดือน ฐานพาอาวุธปืนลดโทษแล้ว จำคุก 3 เดือนฐานฆ่าผู้อื่น ลดโทษให้หนึ่งในสาม เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 แล้ว เหลือจำคุก33 ปี 4 เดือน รวมทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยไว้ 33 ปี 11 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยมีอาวุธปืนสั้นออโตเมติกขนาด 9 มม. (.38) จำนวน 1 กระบอกกระสุนปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 6 นัด ของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมายไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยได้ใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวยิงนายเฉลิม ศีลโภควณิชย์ ผู้ตาย กับนายวันชัย ศีลโภควณิชย์ โจทก์ร่วม เป็นเหตุให้นายเฉลิมถึงแก่ความตายโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส…จึงรับฟังได้ว่าสาเหตุที่ทั้งสองฝ่ายชกต่อยกันดังกล่าวข้างต้นเป็นการสมัครใจวิวาทกันการที่จำเลยสู้ไม่ได้หนีเข้าไปในบ้านหยิบอาวุธปืนออกมายิงผู้ตาย กับโจทก์ร่วมจึงไม่เป็นการป้องกันอันชอบด้วยกฎหมาย…
ปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐาน คำให้การของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยในข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นนั้น เห็นว่า การที่จำเลยให้การยอมรับว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงจริง และนำสืบว่าจำเลยเรียกนายสมชายซึ่งเป็นหลานของจำเลยให้ออกมาชกต่อยกับโจทก์ร่วม นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและมิได้เกิดจากการจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78”
พิพากษายืน.

Share