แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้จัดการหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนมอบหมายให้ผู้หนึ่งไปรับเงินของหุ้นส่วนมา ย่อมเป็นเรื่องที่ผู้จัดการทำไปในหน้าที่ผู้จัดการของหุ้นส่วน เมื่อถึงคราวจะฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนนี้จากผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินมาแล้วผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมาฟ้องก็เป็นการดีแล้ว
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไม่ต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ 11 คนกับจำเลยได้เข้าหุ้นส่วนกันจัดทำท่าเรือ ภายหลังเลิกกิจการ นายโกย วิลัยรัตน์ ผู้จัดการได้มอบอำนาจให้จำเลยไปรับเงินจากองค์การขนส่งกระทรวงคมนาคมเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ตามที่องค์การขนส่งกระทรวงคมนาคมชดเชย เพราะหุ้นส่วนต้องเลิกกิจการและขาดทุน จำเลยรับเงินจำนวนนี้มาแล้ว ไม่ส่งมอบต่อหุ้นส่วน หรือนายโกยผู้จัดการ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยส่งเงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้และตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหุ้นส่วนรายนี้ยังไม่ชำระบัญชีกัน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อตัดฟ้องเสียก่อน
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า หุ้นส่วนจะต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน จึงจะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดมาเป็นโจทก์ฟ้องแทนห้างหุ้นส่วน ก็ย่อมฟ้องได้ ข้อที่ว่าโจทก์ที่ 8 คนเดียว เป็นคนมอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนไปรับเงินนั้น ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ที่ 8 ทำไปในหน้าที่ผู้จัดการของหุ้นส่วน เมื่อถึงคราวมีการฟ้องร้อง ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนเป็นผู้ฟ้องก็ดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน