คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อที่โจทก์อ้างว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เจ็บป่วยกะทันหันจนไม่อาจไปรับโอนและชำระราคาที่ดินในวันนัดได้นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เจ็บป่วยขนาดไหนและการป่วยเป็นลมพิษอย่างฉับพลันตามที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาในกรณีปกติก็เดินทางกันได้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 205เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดโจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาโดยรับเงินค่าที่ดินและโอนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า วันนัดโอนที่ดินตามสัญญาจำเลยทั้งสองไปรอจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่สำนักงานที่ดินอำเภอเมืองตราดตั้งแต่เวลา 8.30 นาฬิกา ถึงเวลา 16.30 นาฬิกาอันเป็นเวลาราชการ แต่ไม่ปรากฏว่าตัวโจทก์หรือตัวแทนของโจทก์มาจดทะเบียนรับโอนที่ดินตามสัญญา โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาการที่โจทก์อ้างว่าตัวแทนของโจทก์เจ็บป่วย ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่จะอ้างเป็นเหตุว่าโจทก์ไม่ได้ผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปัญหาต่อไปมีว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่เห็นว่าตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 และ 3 เป็นสัญญาหรือหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และต้องชำระหนี้ในเวลาราชการด้วย การที่โจทก์อ้างว่าในระหว่างเดินทางผู้รับมอบอำนาจของโจทก์เกิดเจ็บป่วยกะทันหัน ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ก็ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าเจ็บป่วยขนาดไหน และการป่วยเป็นลมพิษอย่างฉับพลันตามที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกานั้นในกรณีปกติก็เดินทางกันได้ ที่โจทก์อ้างว่าเดินทางต่อไปไม่ได้จึงไม่พอรับฟัง ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 205 เมื่อโจทก์มิได้ชำระหนี้ตามกำหนด โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญาโดยมิพักต้องเตือนเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสองที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ส่วนฎีกาโจทก์ข้ออื่น ๆ นอกจากนี้ล้วนเป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้”
พิพากษายืน

Share