คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่า นาย ต. เป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตาย และให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้นนาย ต. แต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตาย จึงฟังได้ว่านาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนาย ต. ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นาย ต.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรที่บิดารับรองแล้วของนายจุ้ม บุญมาวงศ์ ผู้ตาย ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์ 2526 ผู้ตายมีภรรยาชื่อนางปุ๊ด สายด้วง โดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ผู้ร้องกับนางสุนดา ประภาเมือง ก่อนถึงแก่ความตาย ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใดหรือตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ตายมีทรัพย์มรดกปรากฎตามบัญชีทรัพย์เอกสารท้ายคำร้องขอหมายเลข 4ในการจัดการมรดกมีเหตุขัดข้องต้องให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อนจึงจะทำได้ ผู้ร้องประสงค์จะเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายที่บิดารับรองแล้วของนายตั๋นกับนางแห้ง บุญมาวงศ์นายตั๋นเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายจุ้มผู้ตายและนางแก้วบุญมาวงศ์ ซึ่งถึงแก่ความตายแล้ว ผู้ตายอยู่กินฉันสามีภรรยากับนางแก้วมาก่อนที่จะได้อยู่กินกับนางปุ๊ด ผู้ตายมีบุตรกับนางแก้ว 1 คน คือนายตั๋น การที่ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต อาจเกิดความเสียหายแก่กองมรดกได้ ผู้คัดค้านประสงค์จะเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ร่วมกับผู้ร้อง ผู้คัดค้านมิได้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งให้นางจันคำ กาวีอ้ายผู้ร้อง และนายเท่ง บุญมาวงศ์ ผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนายจุ้ม บุญมาวงศ์ ผู้ตาย กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า นายจุ้ม บุญมาวงศ์ ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2526 โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตายที่ได้รับรองแล้ว ส่วนผู้คัดค้านเป็นบุตรของนายตั๋นที่ได้รับรองแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า นายตั๋นเป็นบุตรของผู้ตายที่ได้รับรองแล้วหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้ผู้ร้องมีพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่า ตั้งแต่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งล้มป่วยและถึงแก่ความตายและตอนจัดงานศพไม่มีผู้ใดมากล่าวอ้างว่าเป็นบุตรของผู้ตายเลย นอกจากฝ่ายผู้ร้องเท่านั้นส่วนผู้คัดค้านมีพยานเบิกความยืนยันว่า นายตั๋นเป็นบุตรของผู้ตายกับนางแก้ว ผู้คัดค้านยังมีสำเนาทะเบียนบ้านมาแสดงซึ่งเอกสารดังกล่าวระบุว่านายตั๋นเป็นบุตรของผู้ตายกับนางแก้ว โดยมีนายเอนก นายอำเภอแม่พริกมาเบิกความรับรอง สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน ต้องนำสืบความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น ผู้ร้องคงมีพยานบุคคลมาเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบหักล้างต้องถือว่าสำเนาทะเบียนบ้านถูกต้องแล้ว ทั้งยังได้ความจากพยานผู้คัดค้านด้วยว่าผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่านายตั๋นเป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตายและให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้งนายตั๋นแต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดมาจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตายจึงฟังได้ว่านายตั๋นเป็นบุตรของผู้ตายกับนางแก้ว ซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้วจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนายตั๋นถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นายตั๋น และการเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันก็ไม่ปรากฏว่าจะมีความเสียหายแก่กองมรดกแต่อย่างใด ผู้คัดค้านจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share