คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจำเลยต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีหนี้ตามที่ฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้และรับเงินไปจากโจทก์ ๒๔,๐๐๐ บาท มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยและกำหนดชำระเงินต้น ขอคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี จำนวน ๕ ปี รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย ๓๓,๐๐๐ บาท โจทก์ทวงถามหลายครั้ง จำเลยผัดผ่อนเรื่อยมาโจทก์มอบให้ทนายมีหนังสือทวงถาม ๒ ครั้ง ซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ก็ไม่ชำระถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ใช่บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ยังสามารถและมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จำเลยกู้เงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละสิบต่อเดือน ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๕ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าไม่ได้รับดอกเบี้ยครบ ๒ ปีเป็นเงิน ๒๔,๐๐๐ บาท ให้จำเลยทำสัญญากู้ให้ มิฉะนั้นจะฟ้อง จำเลยจึงทำสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องไว้ ปี ๒๕๐๗ จำเลยนำเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ไปชำระต้นเงินให้โจทก์แล้วหนี้ตามสัญญากู้ที่ฟ้องเกิดจากการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา เป็นหนี้ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า หนี้ที่โจทก์ฟ้องกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอนไม่ได้จำเลยยังสามารถชำระหนี้ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญากู้ฉบับที่ฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีหนี้สินที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีมีเหตุผลหลายประการให้น่าเชื่อว่าหนี้สินตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือ ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งจำเลยค้างชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ จึงไม่มีหนี้เงินตามที่ฟ้อง โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่
พิพากษายืน

Share