คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ภริยาจะมีชื่อในโฉนดถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว ที่ดินก็อาจเป็นสินสมรสระหว่างสามีภริยานั้นได้
ผู้จัดการมรดกย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ดูแลรักษาทรัพย์มรดกส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อจัดการต่อไปตามหน้าที่
จำเลยทราบดีว่าทรัพย์ที่จำเลยรับมอบให้ดูแลรักษาเป็นทรัพย์มรดก จำเลยกลับไม่ยอมส่งแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก จึงควรต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอาบ จันทร์เจริญ บิดาโจทก์ซึ่งถูกนางสาวอารีย์จำเลยร่วมแทงตาย ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับดูแลทรัพย์มรดกก่อนศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์ ส่งมอบทรัพย์สินตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์จัดการตามหน้าที่ เมื่อศาลได้ตั้งโจทก์ให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิเรียกทรัพย์อันดับที่ 17, 19, 20, 21, 23, 26, 27 จากจำเลย ทรัพย์นอกจากนี้ฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์มรดกของนายอาบ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองมอบทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 1 (นายสว่าง) อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายอาบผู้ตายมีภริยาคนแรกชื่อนางละออมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นางอุดมโจทก์ เมื่อโจทก์อายุได้ประมาณ 2 ขวบ นายอาบเลิกกับนางละออและแต่งงานใหม่กับนางสวัสดิ์มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นางสาวอารีย์จำเลยที่ 2 ต่อมาอีกประมาณ 36 ปี นางสวัสดิ์ถึงแก่กรรม นายอาบถูกนางสาวอารีย์จำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงถึงแก่กรรมพนักงานสอบสวนมอบให้จำเลยที่ 1 ดูแลรักษาทรัพย์มรดกของนายอาบและของนางสาวอารีย์ ต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายอาบ โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบทรัพย์จำเลยที่ 1 ไม่ยอมส่ง ศาลฎีกาเห็นว่า ทรัพย์อันดับที่ 20 ที่ดินโฉนดที่ 8081 แม้จะมีชื่อนางสวัสดิ์ถือกรรมสิทธิ์ผู้เดียว แต่ปรากฏตามโฉนดว่าเจ้าพนักงานได้ออกโฉนดให้นางสวัสดิ์เมื่อ พ.ศ. 2473 ฟังได้ว่าหลังจากนางสวัสดิ์เป็นภริยานายอาบ ที่ดินแปลงนี้จึงเป็นสินสมรสระหว่างนายอาบและนางสวัสดิ์ ทั้งยังได้ความว่านางสวัสดิ์ถึงแก่กรรมก่อนนายอาบ ที่ดินแปลงนี้ส่วนที่เป็นสินสมรสของนางสวัสดิ์จึงตกเป็นมรดกตกได้แก่นายอาบส่วนหนึ่งด้วย เมื่อนายอาบถึงแก่กรรม ที่ดินแปลงนี้ส่วนที่เป็นสินสมรสของนายอาบและส่วนที่นายอาบได้รับมรดกจากนางสวัสดิ์ย่อมเป็นมรดกของนายอาบ ส่วนทรัพย์อันดับที่ 19, 20 และ 23 โฉนดที่ดินทุกฉบับมีชื่อนายอาบถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนางสวัสดิ์ ที่ดิน 3 แปลงนี้ส่วนที่เป็นสินสมรสของนายอาบจึงเป็นมรดกของนายอาบเช่นเดียวกัน โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายอาบย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ส่งโฉนดที่ดิน 4 แปลงนี้ให้โจทก์เพื่อจัดการต่อไปตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกดั่งที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719

ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เป็นการไม่ชอบ เพราะจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลภายนอก หากศาลพิพากษาให้ส่งทรัพย์สินแก่ฝ่ายใด จำเลยก็พร้อมจะปฏิบัตินั้นศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ทราบดีอยู่แล้วว่าทรัพย์ที่จำเลยที่ 1ได้รับมอบให้ดูแลรักษาบางส่วนเป็นมรดกของนายอาบซึ่งพนักงานสอบสวนมอบให้จำเลยที่ 1 รับรักษาไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เมื่อโจทก์ได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายอาบ และโจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบทรัพย์มรดกให้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดก จำเลยที่ 1 กลับไม่ยอมส่ง จนโจทก์ต้องนำคดีมาสู่ศาลเมื่อจำเลยที่ 1 แพ้คดี จึงควรต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

พิพากษายืน

Share