แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยให้โจทก์ไปทำงานกับอีกบริษัทหนึ่ง แม้การทำงานของโจทก์ในบริษัทใหม่จะเป็นการทำงานเช่นเดิมในสถานที่เดิมก็เป็นงานของบริษัทใหม่ โจทก์มิได้ทำงานให้จำเลย ถือว่าจำเลยให้โจทก์ออกจากงาน อันเป็นการเลิกจ้างโจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 2,100 บาท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2524 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 12,600บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกสัญญาจ้างล่วงหน้า 2,100 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่ได้เปลี่ยนแผนกและสายงานการบังคับบัญชาใหม่ จำเลยพร้อมที่จะให้โจทก์ย้ายไปอยุ่ภายใต้การบังคับบัญชาเช่นเดิมอย่างไรก็ตาม การที่โจทก์ออกจากงานเพราะโจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเอง จำเลยมิได้เลิกจ้างจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยบังคับโจทก์โดยปริยายให้โจทก์ไปทำงานและอยู่ใต้บังคับบัญชาของบริษัท เอส.แอนด์.บี. จำกัด โดยโจทก์มิได้สมัครใจฟังได้ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2524 โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและโจทก์ไม่ได้กระทำผิด พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกสัญญาจ้างล่วงหน้า 2,100 บาท ค่าชดเชย 12,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยให้โจทก์ไปทำงานกับบริษัท เอส.แอนด์.บี. จำกัด แม้การทำงานของโจทก์ในบริษัทใหม่จะเป็นการทำงานเช่นเดิม ในสถานที่เดิมก็เป็นงานของบริษัทใหม่ โจทก์มิได้ทำงานให้จำเลย ถือได้ว่าจำเลยให้โจทก์ออกจากงาน มิได้จากโจทก์เป็นลูกจ้างต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2524 หาใช่เป็นเพียงการเปลี่ยนแผนกและสายงานการบังคับบัญชาดังที่จำเลยต่อสู้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์
พิพากษายืน