แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้น ไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นราย ๆ ไป คือ ถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนเป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้เป็นยักยอก ทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปจมเอาปืนนั้นมาขายเสียแสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์
(ประชมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักปืนเล็กส์ ๑ กระบอก ของกองทัพบกซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ จำเลยให้การปฏิเสธ
ทางพิจารณาได้ความว่า วันเกิดเหตุร้อยโทวิเชียรโชติทำทหารไปฝึกยิงปืนที่สระบุรี รถคว่ำปืนตกน้ำ ๑ กระบอก ทหารงมหาไม่พบ จึงให้ทหารคนหนึ่งเฝ้าไว้แล้วไปฝึกยิงปืนตอนบ่ายกลับมางมหาอีกก็ไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอวังน้อยแล้วทำทหารกลับกรุงเทพฯ ต่อมาตอนหัวค่ำวันนั้นเอง จำเลยไปเก็บเอาปืนนั้นมาแล้วเอาไปขายเสีย ดังนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าระยะเวลาที่จำเลยเก็บไปกระชั้นชิดกับเวลาที่ทหารงมหาปืนครั้งหลังไม่พบ น่าเชื่อว่าจำเลยรู้เรื่องรถทหารคว่ำแล้วถือโอกาสมางมเอาปืนตอนปลอดผู้คนภายหลังที่ทหารไปแจ้งความเพียงเล็กน้อย จะถือว่าเป็นของหายไม่ได้ จำเลยจึงผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษาจำคุก ๔ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ และให้คืนหรือใช้ราคาปืนด้วย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อทหารงมหาปืนไม่พบจนเลิกหาและถอนทหารกลับไปหมดแล้วนั้น แสดงว่าทางทหารสละการครอบครองโดยถือว่าเป็นของหายแต่เวลานั้นแล้ว ถ้าจำเลยผิดก็ควรผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายตามมาตรา ๓๕๒ วรรค ๒ ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า กรณีของตกหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้น ไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นราย ๆ ไป คือ ถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนเป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้เป็นยักยอก ทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ ๑ กระบอก ทหารงมหา ๒ ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปจมเอาปืนนั้นมาขายเสียแสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืนแล้วเอาไปขายเช่นนี้ จำเลยต้องผิดฐานลักทรัพย์ แต่เห็นสมควรลดโทษให้จำเลย ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ เพราะคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณา จึงพิพากษากลับให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ๘ เดือน