คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอทุธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156 วรรคสามไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๑๗ ถึงวันนัดจำเลยที่ ๒ และทนายไม่มาศาลและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ โดยถือว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มีพยานมาสืบ ต่อมาวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เหตุที่ไม่มาศาลในวันนัดเพราะทนายจำเลยเข้าใจผิดว่าศาลนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๑๗ ขอให้เพิกถอนคำสั่งเดิมแล้วไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ต่อไป ศาลชั้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ ว่า จำเลยที่ ๒ มิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคสาม พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการอุทธรณ์คำสั่งซึ่งถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคสามหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ ให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ใหม่แล้ว โจทก์ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ ไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไป และต่อมายังได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๗ ว่า จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่หรือขอให้เพิกถอนคำสั่งได้ เ พราะไม่ใช่กรณีขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนและสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ไต่สวนคำร้องใหม่นั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายก่อนไต่สวนคำร้องขออนาถาว่าการที่ศาลสั่งให้ทำการไต่สวนอนาถาต่อไปนั้นทำได้หรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่ารอสั่งเมื่อไต่สวนแล้ว ต่อมาในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ หลังจากศาลไต่สวนคำร้องขออนาถาเสร็จแล้ว จึงสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ และสั่งคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๗ ของโจทก์ไปด้วยว่าคำสั่งลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ ของศาลชอบแล้ว โจทก์จึงอุทธรร์ว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ไป จำเลยที่ ๒ มิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นกลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้ทำเช่นนั้นได้ แล้วมีคำขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นเสีย และเพิกถอนคำสั่งที่ให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาด้วย ดังนี้เห็นว่าแม้คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จะระบุว่าทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ ก็ตาม แต่เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งฉบับนี้ หลังจากศาลมีคำสั่งลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ ได้ อุทธรณ์ของโจทก์หาใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์อย่างคนอนาถา อันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรค ๓ ไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยทีเดียวว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ เพิกถอนคำสั่งลงวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๑๗ และอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องอนาถาต่อไปนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๑๗ ว่าศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๑๗ เวลา ๑๓ นาฬิกา ถึงวันนัดจำเลยที่ ๒ และทนายไม่มาศาล ทั้ง จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นขอไต่สวนอุทธรณ์อนาถาด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มีพยานมาสืบแสดงให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ ๒ เป็นคนอนาถา จึงให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ เสีย ให้จำเลยที่ ๒ นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินวางศาลในชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลภายใน ๑๕ วันนับแต่วันได้รับหมายนัด มิฉะนั้นศาลจะสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยที่ ๒ ในชั้นขอไต่สวนอนาถา และมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ไปพร้อมกันเสียแล้ว หากจำเลยที่ ๒ เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยที่ ๒ ไม่ชอบด้วยประการใด ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามกระบวนความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๓ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๙ จำเลยที่ ๒ ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งของสาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานและยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ เพราะศาลชั้นต้นมิได้เข้าใจวันนัดไต่สวนอนาถาผิด ได้สั่งงดการไต่สวนและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยชอบ ทั้งกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นการขาดนัดพิจารณาตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๑ หรือ ๒๐๒ ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ อนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ ๒ ใหม่ และคำสั่งลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณา จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๗ ที่อนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ ๒ ใหม่ และคำสั่งลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์อย่างคนอนาถาและรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ เสีย หากจำเลยที่ ๒ ประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปก็ให้เสียค่าธรรมเนียม และนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลภายใน ๑๕ วัน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share